นายวาน ซูไฮมี นักเศรษฐศาสตร์จากเคนันก้า รีเสิร์ช ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยชื่อดังของมาเลเซียคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของมาเลเซียในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2550 จะเติบโตที่ระดับ 5.9% แม้ว่าความต้องการของผู้บริโภคจากสหรัฐจะชะลอตัวลงก็ตาม "เรายังคงเชื่อว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 5.9% จากระดับในช่วงครึ่งปีแรกที่ 5.7%" เขากล่าว นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่า ความต้องการในประเทศที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับภาคบริการ การก่อสร้าง และเหมืองแร่ที่แข็งแกร่งขึ้นจะช่วยชดเชยผลกระทบจากความต้องการภายนอกประเทศที่ลดลงได้ ทั้งนี้ มาเลเซียได้เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า ยอดเกินดุลการค้าของมาเลเซียในเดือนก.ค.ปรับตัวลดลงจากสถิติในปีก่อนหน้านี้ที่ 9.036 พันล้านริงกิต มาอยู่ที่ระดับ 7.975 พันล้านริงกิต ซึ่งดุลการค้าของมาเลเซียในเดือนก.ค.ที่ลดลงได้ส่งสัญญาณว่าความต้องการในตลาดต่างประเทศซบเซาลง สำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซียกล่าวว่า ยอดนำเข้าของมาเลเซียในเดือนก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ยอดส่งออกปรับตัวลดลงเล็กน้อย ซึ่งส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าของประเทศลดลง อย่างไรก็ตาม นายซูไฮมี่กล่าวว่า ยอดนำเข้าในเดือนก.ค.ที่เพิ่มขึ้น ส่งสัญญาณว่าอาจเป็นไปเช่นนี้ต่อไปอีกหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งหมายความว่ามาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันและก๊าซ และเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลก อาจจำเป็นต้องสั่งซื้อสินค้าทุนและสินค้าที่เป็นวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จากยอดนำเข้าที่เพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการในประเทศที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย หรือยอดสั่งซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปอีกหลายเดือนข้างหน้า ธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน