กกพ.มีมติตรึงค่าเอฟทีงวด พ.ค.-ส.ค.64 ที่ ลบ 15.32 สต. ส่งผลค่าไฟคงเดิม

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 5, 2021 10:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กก พ. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2564 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) สำหรับการ เรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2564 โดยให้เรียกเก็บที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้ายังคงจ่ายค่า ไฟฟ้าเท่าเดิมในอัตรา 3.49 บาทต่อหน่วยต่อไปอีก 4 เดือน

สำหรับปัจจัยในการพิจารณาค่าเอฟที (ตามปกติ) ในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค. 2564 ประกอบด้วย

1. ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค. 2564 เท่ากับประมาณ 67,885.43 ล้านหน่วย ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 2564 ที่คาดว่าจะมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเท่ากับ 60,685.17 ล้านหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 11.86%

2. สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน พ.ค.- ส.ค. 2564 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก 55.5% ของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด นอกจากนี้เป็นการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ (ลาวและมาเลเซีย) รวม 17.02% และ ค่าเชื้อเพลิงลิกไนต์ของ กฟผ. 8.73% ถ่านหินนำเข้าโรงไฟฟ้าเอกชน 8.72% และอื่นๆ อีก 10.03%

3. สถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า ตามข้อมูลจริงเดือนมกราคม 2564 ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 30 บาท/ดอลลาร์ และราคาน้ำมันดิบดูไบอ้างอิงที่ 54.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ราคาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิต ไฟฟ้าสูงขึ้นจากประมาณในรอบเดือน ม.ค.-เม.ย. 2564 โดยที่เชื้อเพลิงอื่นๆ ปรับตัวลดลง ดังที่แสดงในตาราง

ประเภทเชื้อเพลิง 	              หน่วย	       ม.ค.-เม.ย.64      พ.ค.?ส.ค.64      เปลี่ยนแปลง
                                            (ประมาณการ)       (ประมาณการ)      [2]-[1]
                                               [1]	             [2]
-ราคาก๊าซธรรมชาติ ทุกแหล่ง*      บาท/ล้านบีทียู	  225.53	    241.07	    +15.54
-ราคาน้ำมันเตา 	              บาท/ลิตร	          20.15	     15.63	     -4.52
-ราคาน้ำมันดีเซล	              บาท/ลิตร	          22.61	     20.49	     -2.12
-ราคาลิกไนต์ (กฟผ.)	      บาท/ตัน	         693.00	    693.00	      0.00
-ราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ย (IPPs)   บาท/ตัน	       2,302.57	   2,261.09	    -41.48
หมายเหตุ: *ราคาก๊าซฯ รวมค่าผ่านท่อและค่าดำเนินการของโรงไฟฟ้า กฟผ. และโรงไฟฟ้าเอกชน

4. อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ใช้ในการประมาณการ (วันที่ 1-31 มกราคม 2564) เท่ากับ 30 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจาก ประมาณการในงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2564 ที่ผ่านมา ที่ประมาณการไว้ที่ 31.4 บาท/ดอลลาร์

อย่างไรก็ตามหากพิจารณาแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบ และอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 แล้วพบว่าอาจมีผลต่อการประเมินค่าเอฟที จึงพิจารณาใช้สมมติฐานน้ำมันดิบดูไบที่ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์บาเรล และอัตราแลก เปลี่ยนที่ 31 บาท/ดอลลาร์ ในการคำนวณแทนและประเมินเอฟทีตลอดทั้งปี ส่งผลให้ค่าเอฟทีเป็น -18.02 สตางค์ต่อหน่วยในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค. 2564 และ -7.95 สตางค์ต่อหน่วยในรอบเดือน ก.ย.- ธ.ค. 2564 ตามลำดับ (เฉลี่ย -13.14 สตางค์ต่อหน่วยตลอด ปี)

นอกจากนี้หากพิจารณาความสามารถในการตรึงค่าเอฟทีที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย จะต้องใช้เงินบริหารจำนวน 2,610 ล้านบาท ในขณะที่ กกพ. ยังคงมีเงินบริหารเก็บไว้จำนวน 4,129 ล้านบาท กกพ. จึงตัดสินใจตรึงค่าเอฟทีที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วยใน รอบเดือน พ.ค. ? ส.ค. 2564

"กกพ. มองว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 54.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มาอยู่ในระดับ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนมีนาคม 2564 และแนวโน้มการอ่อนตัวลงของค่าเงินบาทจาก 30 บาท/ดอลลาร์ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มาเป็น 31 บาท/ดอลลาร์ ในเดือนมีนาคม 2564 อาจส่งผลต่อค่าเอฟทีในช่วงปลายปี อีกทั้งความต้องการ พลังงานที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 คลี่คลายในครึ่งปีหลัง จะส่งผลต่อการเพิ่ม ความต้องการใช้เชื้อเพลิงในตลาดโลกอย่างรุนแรง จึงใช้หลักการประเมินค่าเอฟทีตลอดทั้งปีเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะมีศักยภาพในการ รักษาเสถียรภาพค่าไฟฟ้าตลอดปี 2564" นายคมกฤช กล่าว ทั้งนี้ สำนักงาน กกพ. จะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บในรอบเดือน พฤษภาคม- สิงหาคม 2564 ทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 5-19 มีนาคม 2564 ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ