ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินเยนในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราฮ่องกงช่วงบ่ายวันนี้ (21 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีความหวั่นวิตกว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้แล้วก็ตาม "สถานการณ์เลวร้ายทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่เป็นผลจากวิกฤติซับไพรม์จะยังมีอยู่ต่อไป"คริสตี้ ตัน นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกาในสิงคโปร์กล่าว โดยเธอคาดว่า เฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยมาตรฐานลงอีก 0.25% ในเดือนหน้า ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆนับตั้งแต่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.50% มาอยู่ที่ 4.75% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนแห่เทขายเงินดอลลาร์สหรัฐออกมาเป็นจำนวนมาก และจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงได้กดดันให้พันธบัตรสหรัฐและสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุน สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ณ เวลา 13.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ค่าเงินดอลลาร์ร่วงอยู่ที่ 114.89 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 115.02 เยนต่อดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4094 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับ 1.4076 ดอลลาร์ต่อยูโรในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กวานนี้ หลังจากที่แข็งค่าขึ้นแตะ 1.4097 ดอลลาร์ต่อยูโร อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์อาจฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายปีนี้ จากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ซึ่งจะช่วยคลายความวิตกกังวลในตลาดเงิน และกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมา