นายเหงียน ตัน ดุง นายกรัฐมนตรีของเวียดนามเปิดเผยว่า เวียดนามจะพัฒนาสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจ สร้างเสถียรภาพให้เศรษฐกิจมหภาค และระดมแหล่งเงินทุนเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจประเทศขยายตัว 8.5-9% และลดอัตราการเติบโตของภาวะยากไร้ลงเหลือ 11-12% ในปีหน้า "เวียดนามจะพัฒนาตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ การเงิน แรงงาน บริการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และประกาศใช้นโยบายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นให้มีการลงทุนในภาคเกษตรกรรม พื้นที่ชนบท และพื้นที่ที่มีความเสียเปรียบ" นายดุงกล่าวในการประชุมแห่งชาติครั้งที่ 12 ซึ่งเริ่มขึ้นในวันนี้ นอกจากนั้น เวียดนามจะทำการแปรรูปบริษัทรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทเอกชน และสร้างสภาพแวดล้อมทางการลงทุนที่เหมาะสมเพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ โดยเฉพาะโครงการใหญ่และโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการผลิตสินค้าไฮเทค นายกรัฐมนตรีเวียดนามกล่าวว่า "เวียดนามจะเร่งผลิตสินค้าผู้บริโภคเพื่อการส่งออก เพื่อสร้างสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เช่น ไฟฟ้า น้ำมันปิโตรเลียม ถ่านหิน ปุ๋ย เหล็กกล้า และ ซีเมนต์ นอกจากนั้นจะมีการประกาศใช้นโยบายเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมการพัฒนาพลังงาน สินค้าไฮเทค เทคโนโลยีสารสนเทศ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ" เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ต่ำกว่าเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เวียดนามต้องควบคุมราคาสินค้าจำเป็นตามข้อกำหนดของตลาด เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างฉับพลัน นอกจากนั้นยังอาจพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งหน่วยงานตรวจสอบควบคุมซึ่งจะช่วยรัฐบาลควบคุมการดำเนินงานของธนาคาร บริษัทประกัน บริษัทหลักทรัพย์ และกองทุนรวม สำนักข่าวซินหัวรายงาน