ธนาคาร ดอยช์ แบงค์ (Deutsche Bank) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อในจีนมีแนวโน้มว่า จะมีเสถียรภาพในเดือนต.ค.และ พ.ย. และจะลดลงอย่างมากในเดือนธ.ค. หม่า จุน นักเศรษฐศาสตร์จากดอยช์ แบงค์ กล่าวว่า การเติบโตของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.มีแนวโน้มชะลอตัวลงเหลือ 6.0-6.4% จากระดับสูงสุด 6.5% ในเดือนส.ค. หลังจากที่ดัชนีราคาค้าส่งสินค้าเกษตรรายวันของกระทรวงเกษตรลดลง 1.0% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนก.ย. และจะมีการเปิดเผยตัวเลข CPI เดือนก.ย.อย่างเป็นทางการในวันที่ 24 ต.ค.นี้ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อ CPI จะอยู่ที่ราว 6.0-6.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนต.ค.และ พ.ย. ส่วนในเดือนธ.ค.จะลดลงเหลือ 5.0-5.5% สำหรับปีหน้า อัตราเงินเฟ้อ CPI มีแนวโน้มลดลงเหลือ 3.5% ซึ่งต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมาตรฐานประเภท 1 ปี ที่ระดับ 3.87% นายหม่ากล่าวว่า การที่เกษตรกรเลี้ยงลูกหมูเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาจะเป็นปัจจัยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อในปีหน้ามีเสถียรภาพ ส่วนในปีนี้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นเพราะราคาอาหารที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาเนื้อหมู ส่งผลให้ในต้นปีหน้าอาจมีเนื้อหมูในตลาดมากเกินความต้องการ เขากล่าวเพิ่มเติมว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI ที่กลับมามีเสถียรภาพและการที่สหรัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อไม่นานมานี้จะช่วยบรรเทาแรงกดดันมิให้จีนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ก็ยังมีโอกาสที่จีนจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ นายหม่ากล่าวว่า "นั่นเป็นเพราะว่า แม้อัตราเงินเฟ้อ CPI จะลดลงสู่ระดับ 6 - 6.5% แต่ก็ยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภท 1 ปี นอกจากนั้นยังมีตลาดสินทรัพย์และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัว อัตราเงินเฟ้อดังกล่าวจึงอาจกระตุ้นให้มีการใช้มาตรการควบคุมทางการเงินเพิ่มเติมได้" สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์ รายงาน