กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผย ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐดีดตัวขึ้นอย่างคาดไม่ถึงที่ 0.3% ในเดือนต.ค. นับเป็นการขยายตัวมากที่สุดในรอบ 8 เดือน โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์การคาดการณ์ว่าตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะหดตัวลง 1.3% อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังไม่ใช่สัญญาณที่บ่งบอกว่าภาคอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัว และเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านร่วงลงถึง 16.4% ในเดือนต.ค. ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนต.ค.ซึ่งขยายตัวเป็น 1.229 ล้านยูนิต นับเป็นการขยายตัวครั้งแรกหลังตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านหดตัวสามเดือนติดต่อกัน และเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ระดับ 6% เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านที่ขยายตัวอย่างคาดไม่ถึงได้รับแรงหนุนจากภาคการสร้างอพาร์ทเมนท์ซึ่งขยายตัวถึง 46.5% ส่วนการสร้างบ้านเดี่ยวลดลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันที่ 7.3% เมื่อเทียบกับเดือนก.ย. เมื่อพิจารณาเป็นภูมิภาค ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านทางตอนใต้ของประเทศลดลง 4.6% ในเดือนต.ค. แต่ขยายตัว 21.1% ในแถบมิดเวสท์, 8.5% ในแถบนอร์ธอีสท์ และ 5.8% ในแถบตะวันตก ตัวเลขการอนุญาตการก่อสร้างซึ่งเป็นปัจจัยบ่งชี้ความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้าน ลดลง 6.6% ในเดือนต.ค.เหลือ 1.178 ล้านยูนิต และร่วงลง 24.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นับเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 แล้ว ทั้งนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐที่เคยเฟื่องฟูเริ่มชะลอความร้อนแรงลงตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาลงที่สุดในรอบ 16 ปี จะยังคงซบเซาต่อไปจากวิกฤติซับไพรม์ สำนักข่าวซินหัวรายงาน