กระทรวงการคลัง แถลงว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 ก.ย.50 มีจำนวน 3,178,485 ล้านบาท หรือร้อยละ 37.84 ของ GDP ลดลงจากร้อยละ 37.88 จากสิ้น ส.ค.50 โดยแยกเป็น หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,051,363 ล้านบาท, หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 906,374 ล้านบาท, หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 185,154 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 35,593 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนแล้วหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 3,219 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 6,687 ล้านบาท, หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 846 ล้านบาท และ 2,622 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐไม่มีการเปลี่ยนแปลง สาเหตุของการเพิ่มขึ้นสุทธิของหนี้สาธารณะเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่สำคัญเนื่องจากหนี้ในประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้นจากการออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณจำนวน 9,361 ล้านบาท และ 2,540 ล้านบาท ตามลำดับ รวมทั้งยังได้ดำเนินการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังที่ครบกำหนด 1,000 ล้านบาท และชำระคืนเงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง(FIDF3) 4,550 ล้านบาท สำหรับหนี้ต่างประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 336 ล้านบาท ส่วนหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินนั้นลดลงเนื่องจากการไถ่ถอนพันธบัตรและการชำระคืนต้นเงินกู้ นอกจากนี้หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงเนื่องจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ได้ชำระคืนหนี้ในตลาดซื้อคืนพันธบัตร สำหรับหนี้สาธารณะ 3,178,485 ล้านบาท แยกออกเป็น หนี้ต่างประเทศ 413,321 ล้านบาท หรือร้อยละ 13 และหนี้ในประเทศ 2,765,164 ล้านบาท หรือร้อยละ 87 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 2,811,664 ล้านบาท หรือร้อยละ 88.46 และหนี้ระยะสั้น 366,821 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.54 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง