สศก.เผย GDP ภาคเกษตร Q3/64 โต 6.5% ยกเว้นประมงหดตัว คาดทั้งปีโต 1.7-2.7%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 20, 2021 11:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สศก.เผย GDP ภาคเกษตร Q3/64 โต 6.5% ยกเว้นประมงหดตัว คาดทั้งปีโต 1.7-2.7%

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ในฐานะโฆษกกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ เผยภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในไตรมาส 3 ของปี 2564 (ก.ค.-ก.ย.64) ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.5% จากช่วงเดียวกันของ ปี 2563 ซึ่งปรับตัวดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2563 ที่หดตัว 1.1% เนื่องจากในปี 2563 หลายพื้นที่ของประเทศ ประสบภาวะภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ทำให้ปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการผลิตทางการเกษตร

ขณะที่ในปี 2564 สถานการณ์ดังกล่าวได้คลี่คลายลง ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้ กลับ มาขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2563 ถึงต้นปี 2564 ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมในอ่างเก็บน้ำที่ สำคัญและในแหล่งน้ำตามธรรมชาติเพิ่มขึ้น รวมถึงสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยมากขึ้น และการเริ่มต้นฤดูฝนที่เร็วกว่าปี 2563 ทำให้ เกษตรกรทำการเพาะปลูกได้มากขึ้น ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดปรับตัวดีขึ้น จูงใจให้เกษตรกรขยายการผลิต

สศก.เผย GDP ภาคเกษตร Q3/64 โต 6.5% ยกเว้นประมงหดตัว คาดทั้งปีโต 1.7-2.7%

แม้พายุดีเปรสชันเตี้ยนหมู่ที่เข้าสู่ประเทศไทยในช่วงปลายเดือน ก.ย.64 ทำให้มีฝนตกหนักต่อเนื่อง และเกิดน้ำท่วม หลากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เกษตรของภาคเหนือตอนล่าง แต่พื้นที่เพาะปลูกพืชส่วนหนึ่งได้มีการเก็บเกี่ยวผล ผลิตไปแล้วก่อนหน้า ทำให้ในภาพรวมไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตทางการเกษตรในไตรมาสนี้มากนัก นอกจากนี้ การดำเนินนโยบาย และมาตรการของภาครัฐในการส่งเสริมอาชีพเกษตร ยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรให้ได้มาตรฐาน การส่งเสริมการตลาดทั้งตลาด ออนไลน์และออฟไลน์ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์และบริหารจัดการสินค้าเกษตร การประกันรายได้สินค้าเกษตรที่สำคัญ และการพัก ชำระหนี้ ทำให้เกษตรกรสามารถทำการผลิตและบริหารจัดการสินค้าเกษตรให้ออกสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อการบริโภคและกิจกรรมการผลิต ของโรงงานแปรรูปบางแห่งต้องหยุดชะงักลง

สาขาพืช ขยายตัว 9.6% โดยพืชสำคัญที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่

  • ข้าวนาปี ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกษตรกรมีการขยายพื้นที่เพาะปลูกในพื้นที่ที่ปล่อยว่างในปีที่ผ่านมา ประกอบกับใน
ปีนี้ฤดูฝนเริ่มต้นเร็วกว่าที่ผ่านมา ปริมาณน้ำฝนเพียงพอต่อการเจริญเติบโต ส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น
  • ข้าวนาปรัง ผลผลิตเพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร และราคาข้าวที่เกษตรกรขายได้ยังอยู่ในเกณฑ์
ดี
  • ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยและมีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการเจริญเติบโต
ประกอบกับราคาในปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดี รวมทั้งเกษตรกรมีการดูแลแปลงปลูก และควบคุมการระบาดของหนอนกระทู้ข้าวโพดลาย
จุดได้มากขึ้น
  • มันสำปะหลัง ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาอยู่ในเกณฑ์ดี เกษตรกรมีการขยายพื้นที่ปลูกทดแทนใน
พื้นที่ปลูกอ้อยโรงงานและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประกอบกับปริมาณน้ำฝนที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต ส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น
  • สับปะรดโรงงาน ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาในปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดี เกษตรกรจึงมีการบำรุงรักษาต้นสับปะรด
มากขึ้น รวมทั้งจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกที่ปล่อยว่างและปลูกแซมในสวนยางพาราและสวนมะพร้าวที่ปลูกใหม่
  • ยางพารา ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นยางพารามีความสมบูรณ์มากขึ้นจากปริมาณน้ำที่เพียงพอและเกษตรกรมีการ
ดูแลรักษามากขึ้นจากแรงจูงใจด้านราคาที่สูงขึ้น ประกอบกับต้นยางพาราที่กรีดได้ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุที่ให้ผลผลิตสูง รวมถึงมีพื้นที่
กรีดได้เพิ่มขึ้นจากพื้นที่ปลูกใหม่เมื่อปี 2558 ซึ่งเริ่มให้ผลผลิตในปีนี้
  • ปาล์มน้ำมัน ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากการขยายเนื้อที่ปลูกปาล์มน้ำมันในปี 2561 ทดแทนพืชอื่น ซึ่งเริ่มให้ผลผลิตใน
ช่วงปี 2564 ประกอบกับสภาพอากาศเอื้ออำนวยทำให้น้ำหนักทะลายปาล์มเพิ่มขึ้น
  • ลำไย ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากเนื้อที่ให้ผลเพิ่มขึ้น สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการออกดอกติดผล ไม่มีโรคและแมลง
ระบาด ทำให้ต้นลำไยออกผลได้ดีและมีจำนวนผลต่อช่อเพิ่มขึ้น
  • ทุเรียน ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากพื้นที่ปลูกใหม่ในปี 2559 ซึ่งเกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกแทนยางพารา กาแฟ และผล
ไม้ เช่น ลองกองและเงาะ เริ่มให้ผลผลิตในปี 2564 เป็นปีแรก ประกอบกับราคาในปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดี จูงใจให้เกษตรกรมี
การบำรุงดูแลรักษาเป็นอย่างดี และสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยมากขึ้น
  • มังคุด และเงาะ ผลผลิตเพิ่มขึ้น จากสภาพอากาศเอื้ออำนวยและมีปริมาณน้ำที่เพียงพอ ทำให้มีการออกดอกติดผลได้
ดีกว่าปีที่ผ่านมา

สาขาปศุสัตว์ ขยายตัว 2.0% เป็นผลจากการเพิ่มปริมาณการผลิตตามความต้องการบริโภคของตลาดทั้งในและต่าง ประเทศ ประกอบกับการเฝ้าระวัง ควบคุมโรคระบาดอย่างเข้มงวด และการจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐาน

  • ไก่เนื้อ มีผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการขยายการผลิตรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น, สุกร ผลผลิตเพิ่ม
ขึ้น เนื่องจากเกษตรกรมีการขยายการผลิต และมีการบริหารจัดการฟาร์มที่ดี รวมถึงเพิ่มความเข้มข้นของระบบ Biosecurity
เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ในระดับสูงสุด ส่งผลให้อัตรารอดของสุกรเพิ่มสูงขึ้น
  • ไข่ไก่ ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกษตรกรมีการจัดการฟาร์มที่มีประสิทธิภาพ เฝ้าระวังโรคระบาด ได้ดี ประกอบกับ
มาตรการของภาครัฐที่ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ยืดอายุการปลดแม่ไก่ยืนกรง ทำให้ปริมาณไข่ไก่เพิ่มขึ้น 1-2 ล้านฟองต่อวัน
  • น้ำนมดิบ ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกษตรกรมีการบริหารจัดการฟาร์มที่ดี ภาครัฐมีนโยบายพัฒนาคุณภาพน้ำนมโค
โดยให้ความสำคัญด้านอาหารในการเลี้ยงโคนม ส่งผลให้น้ำนมดิบมีปริมาณเพิ่มและมีคุณภาพดีขึ้น

สาขาประมง หดตัว 3.0% เป็นผลมาจากผลผลิตประมงทะเลในส่วนของปริมาณสัตว์น้ำที่นำขึ้นท่าเทียบเรือในภาคใต้มี แนวโน้มลดลง เนื่องจากเป็นช่วงฤดูมรสุม ชาวประมงบางส่วนไม่สามารถนำเรือออกจับสัตว์น้ำได้ ส่วนปริมาณกุ้งทะเลเพาะเลี้ยงมี ทิศทางลดลง เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เกษตรกรปรับลดพื้นที่การเลี้ยง ลดจำนวนลูกพันธุ์ และ ชะลอการลงลูกกุ้ง ประกอบกับบางพื้นที่มีการระบาดของโรคขี้ขาว ไวรัสตัวแดงดวงขาว หัวเหลือง จึงทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดลด ลง อย่างไรก็ตาม ผลผลิตประมงน้ำจืด เช่น ปลานิล และปลาดุก มีทิศทางเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับการเลี้ยง จากปริมาณน้ำฝนที่มีมากกว่าปีที่ผ่านมา และปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและแม่น้ำลำคลองที่มีมากขึ้น โดยเกษตรกรมีการอนุบาลลูกปลาให้ ได้ขนาดและแข็งแรงก่อนปล่อยลงบ่อเลี้ยงเพื่อเพิ่มอัตราการรอด ส่งผลให้มีผลผลิตเพิ่ม

สาขาบริการทางการเกษตร ขยายตัว 4.8% โดยกิจกรรมการเตรียมดินและการเก็บเกี่ยวผลผลิตเพิ่มขึ้นตามพื้นที่เพาะ ปลูกและพื้นที่เก็บเกี่ยวพืชสำคัญที่เพิ่มขึ้น เช่น ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย และ ปริมาณน้ำเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช ประกอบกับราคาที่เกษตรกรขายได้อยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้เกษตรกรมีการขยายพื้นที่เพาะ ปลูกพืช มีการดูแลและบำรุงรักษามากขึ้น ส่งผลให้มีพื้นที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเพิ่มขึ้น

สาขาป่าไม้ ขยายตัว 1.0%

  • ไม้ยูคาลิปตัส เพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้เพื่อเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
อย่างต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมกระดาษ อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าชีวมวล และอุตสาหกรรมก่อสร้าง เป็นต้น
  • รังนกของไทยยังมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาดจีนในการบริโภคเพื่อบำรุงสุขภาพ
  • ถ่านไม้ มีการส่งออกเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
  • ไม้ยางพารา ลดลงตามพื้นที่การตัดโค่นสวนยางพาราเก่า เพื่อปลูกทดแทนด้วยยางพาราพันธุ์ดีและพืชอื่น ประกอบกับ
โรงงานแปรรูปไม้ยางพาราหลายแห่งในภาคใต้ปิดตัว เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
  • ครั่ง ลดลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แปรปรวน และความต้องการของประเทศคู่ค้าหลัก ในการใช้
เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่างๆ ลดลง

ทั้งนี้ แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจการเกษตรปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วง 1.7-2.7% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดย สาขาการผลิตสำคัญ ได้แก่ สาขาพืช สาขาปศุสัตว์ สาขาบริการทางการเกษตร และสาขาป่าไม้ มีแนวโน้มขยายตัว เนื่องจาก ปริมาณฝนที่มีมากขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำธรรมชาติมีมากขึ้น เพียงพอสำหรับการเพาะปลูก พืชและเลี้ยงสัตว์ และฤดูฝนที่มาเร็วกว่าปีที่ผ่านมา เกษตรกรเริ่มการเพาะปลูกได้เร็วและขยายพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้น ประกอบกับ การดำเนินนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมให้เกษตรกรมีการบริหารจัดการการผลิตและการตลาดที่มีประสิทธิภาพ มีการใช้ เทคโนโลยีในการผลิต และยกระดับคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน รวมถึงมาตรการความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติ

อย่างไรก็ตาม ปัญหาอุทภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาค กลาง ซึ่งเป็นผลจากพายุเตี้ยนหมู่ รวมถึงพายุที่อาจมีเพิ่มเติมในช่วงปลายฤดูฝน สศก. จะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อ ประเมินผลกระทบที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในช่วงไตรมาส 4 นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ความแปรปรวนของสภาพอากาศ แนวโน้มราคาน้ำมันที่สูง ขึ้น และความผันผวนของค่าเงินบาท ที่อาจส่งผลต่อต้นทุนการผลิต การกระจายผลผลิต และการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์

                              อัตราการเติบโตของภาคเกษตร
                                                              หน่วย: ร้อยละ
                    สาขา                               ไตรมาส 3/2564 (ก.ค.-ก.ย.64)
                  ภาคเกษตร                                          6.5
                  พืช                                                9.6
                  ปศุสัตว์                                             2.0
                  ประมง                                            -3.0
                  บริการทางการเกษตร                                  4.8
                  ป่าไม้                                              1.0
          ที่มา: กองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ