รัฐบาลฟิลิปปินส์เปิดเผยในวันนี้ว่า รัฐบาลจะทบทวนเป้าหมายเศรษฐกิจระดับมหภาคสำหรับปี 2552-2555 อีกครั้ง เนื่องจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินเปโซ รวมถึงราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น และยอดส่งออกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการประสานงานด้านงบประมาณเพื่อการพัฒนาของรัฐบาลฟิลิปปินส์ (DBCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่มีหน้าที่กำหนดเป้าหมายด้านเศรษฐกิจระดับมหภาคและงบประมาณของรัฐบาล กำลังอยู่ในระหว่างการร่างบททบทวนเป้าหมายเศรษฐกิจอีกครั้ง ซึ่งจะเสนอต่อประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย่ และคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติร่างฉบับดังกล่าว ทั้งนี้ DBCC จะเปลี่ยนแปลงเป้าหมายเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อ การขยายตัวด้านการส่งออก และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปัจจุบัน DBCC คาดการณ์ว่า อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์ต่อเปโซจะอยู่ในช่วงระหว่าง 46-48 เปโซในปีนี้ และอยู่ในช่วง 45-47 เปโซในปีหน้า อย่างไรก็ตาม ค่าเงินเปโซแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีเม็ดเงินทุนไหลเข้าและเงินที่แรงงานชาวฟิลิปปินส์ที่ทำงานในต่างประเทศส่งกลับมายังฟิลิปปินส์จำนวนมาก และจาการที่ค่าเงินเปโซแตะระดับที่ 42.85 เปโซต่อดอลลาร์เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นก็จะเป็นประเด็นที่นำมาพิจารณาในครั้งนี้ด้วย นับตั้งแต่ที่ DBCC ได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบจะแตะระดับ 61-64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ และที่ระดับ 62-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2551 ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนม.ค.แตะระดับที่ 98.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่เคลื่อนตัวผ่านระดับ 99 ดอลลาร์เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ DBCC กล่าวว่า เป้าหมายเรื่องอัตราเงินเฟ้ออาจจะต้องนำมาพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ธนาคารกลางฟิลิปปินส์คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับ 2.6-3.1% ในปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่รัฐบาลได้ตั้งไว้ที่ระดับ 4-5% ธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน