พาณิชย์ส่งทีมคุมเข้มป้องกันกักตุนสินค้าหลังไฟเขียวปรับขึ้นราคา

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 27, 2007 17:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯได้จัดส่งสายตรวจออกไปตรวจสอบสถานการณ์สินค้าในท้องตลาด
และห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดว่ามีการกักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่ายหรือไม่ หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนว่า สินค้าบางรายการขาดตลาด โดยเฉพาะสินค้าที่อยู่ระหว่างการพิจารณาต้นทุนของกรมฯ เพราะผู้ค้าจะเก็บไว้ขายในราคาใหม่ จึงขอเตือนผู้ค้าให้ขายในราคาเดิมต่อไป เพราะการจะขายในราคาใหม่ได้ ต้องได้รับการอนุมัติจากกรมก่อน
"ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิต ส่งสินค้าตามปกติ ก็ได้รับการยืนยันว่า ไม่มีการกักตุนเพื่อรอขายในราคาใหม่ แต่ถ้าจะเป็นปัญหาคงเกิดที่ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ที่เป็นปลายทางมากกว่า ซึ่งกรมฯได้ให้เจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบแล้ว หากพบผิดปกติก็จะจัดการตามกฎหมายทันที" นายยรรยง กล่าว
รายงานข่าว แจ้งว่า จากการตรวจสอบภาวะการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในห้างสรรพสินค้า และซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ พบว่า ประชาชนได้ซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ และอยู่ในช่วงรอการปรับขึ้นราคา เช่น ผลิตภัณฑ์นม น้ำมันพืช และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งกรมการค้าภายในอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาได้หลังจากปีใหม่ ทำให้สินค้าเหล่านี้หมดอย่างรวดเร็ว และเริ่มขาดแคลน
ขณะเดียวกัน ยังพบว่า ร้านค้าส่ง (ยี่ปั๊วซาปั๊ว) เริ่มปรับขึ้นราคาสินค้าดังกล่าวบ้างแล้ว ทั้งที่ยังไม่ถึงช่วงปีใหม่ ทำให้ราคาขายปลีกปรับขึ้นตามไปด้วย ซึ่งหากร้านค้าปลีกรายย่อย (โชห่วย) ไม่ยอมรับราคาที่ยี่ปั๊วซาปั๊วส่งให้ก็จะไม่มีสินค้าขาย แต่หากยอมรับก็ต้องขายในราคาที่เพิ่มขึ้น
กรมการค้าภายในได้อนุมัติให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อมาม่า ยำยำ และไวไว น้ำมันปาล์มบรรจุขวด ปรับขึ้นราคาไปแล้ว โดยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อนุมัติให้ขึ้นได้ซองละ 1 บาททั้ง 3 ยี่ห้อ เพราะราคาแป้งสาลี และน้ำมันปาล์ม วัตถุดิบหลักเพิ่มขึ้นมาก แต่ขอความร่วมมือให้ขึ้นราคาหลังปีใหม่ ส่วนน้ำมันปาล์ม ให้ขึ้นแล้วขวดละ 3 บาท และหลังปีใหม่ขึ้นอีกขวดละ 2.50 บาทต่อขวด และอยู่ระหว่างการพิจารณาให้น้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวด แบตเตอรี่ ยางรถยนต์ รวมถึงผลิตภัณฑ์นมปรับขึ้นราคา เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า ขณะนี้ ยังไม่พบเห็นการกักตุนสินค้าของร้านค้าปลีก-ค้าส่ง หรือยี่ปั๊วซาปั๊ว เพราะกำลังซื้อของประชาชนไม่มี จึงแทบจะขายสินค้าไม่ได้ หากกักตุนอีกก็จะยิ่งทำให้ไม่มีเงินทุนหมุนเวียน และจะขายสินค้าออกได้ช้าลง ประกอบกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ยี่ปั๊วซาปั๊วจึงเร่งขายสินค้าออกให้เร็วที่สุด เพื่อให้ได้เงินสดมาเร็วๆ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการปรับขึ้นราคาสินค้าจะกระทบกับยอดขายของผู้ผลิต เพราะประชาชนจะลดการบริโภคลง หรือหันไปบริโภคสินค้าอื่นที่มีราคาถูกกว่า หรือบริโภคสินค้าประเภทเดียวกันแต่มีราคาถูกกว่าเป็นการทดแทน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ