เจบิคจะมาไทย 12-20 ธ.ค.ประเมินโครงการรถไฟสายสีแดงก่อนให้กู้ 4 หมื่นลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 14, 2007 10:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)เปิดเผยว่า คณะเจ้าหน้าที่ประเมินโครงการของธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น(เจบิค)จะเดินทางมายังประเทศไทยในช่วง 12-20 ธ.ค.เพื่อประเมินความพร้อมของโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ก่อนจะพิจารณาอนุมัติวงเงินกู้ 4 หมื่นล้านบาทที่จะนำไปลงทุนระบบอาณัติสัญญาณและระบบราง หากโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงผ่านการประเมินจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU)กับการรถไฟแห่งประทศไทย(รฟท.)ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการในการกู้เงินต่อไป คาดว่ากระบวนการเจรจาเงินกู้กับเจบิคใช้เวลา 4 เดือน และหลังจากเดือนเมษายน ปี 51 น่าจะพร้อมเปิดประมูลได้ สำหรับเงื่อนไขการกู้ครั้งนี้จะมีอัตราดอกเบี้ย 1.4%ต่อปี ระยะเวลาชำระหนี้ 25 ปี ซึ่งเงื่อนไขเหมือนกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) โดยโครงการรถไฟชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต มีมูลค่าโครงการ 6 หมื่นล้านบาท นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า วงเงินลงทุนที่เหลือจะนำมาจากเงินงบประมาณและเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามมติ ครม. โดยภาครัฐจะนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้ลงทุนด้านระบบขนส่งมวลชนในช่วง 5 ปีรวมประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปี 51 จะมีเงินเข้ามา 8.3 พันล้านบาทเป็นปีแรก อย่างไรก็ตามรูปแบบขณะนี้ยังไม่ชัดเจน ทั้งนี้จะนำไปใช้ลงทุนตัวรถไฟประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)อยู่ระหว่างประเมินราคาเงินลงทุนอีกครั้ง นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า จะมีการเสนอครม.ในการจัดตั้งบริษัทลูกของ รฟท.เพื่อมาดูแลการบริหารจัดการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งเบื้องต้นจะให้ไปดูแลโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (แอร์พอร์ตลิ้งค์)ก่อน สำหรับวงเงินกู้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) จำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท เจบิคต้องการความชัดเจนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส คาดว่าไม่เกิน 1-2 เดือนนี้จะเซ็นสัญญาเงินกู้ ประกอบกับระหว่างนี้รอการเปิดประมูล โดยในวันที่ 14 ธ.ค.จะเชิญตัวแทนจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.), กระทรวงคมนาคม และ เจบิค มาหารือเกี่ยวกับเอกสารประกวดราคา(ทีโออาร์) "จริงๆแล้วหลังจาก 5 ธ.ค.ก็น่าจะเปิดประมูลได้แล้ว การก่อสร้างคาดว่าจะเริ่มได้ในปีหน้า แต่วงเงินจากเจบิคงวดนี้จะมีการเซ็นสัญญาเงินกู้ แต่ไม่รู้ว่าจะทันรัฐบาลชุดนี้ไหม แต่การเปิดประมูลคงทันรัฐบาลชุดนี้" นายพงษ์ภาณุ กล่าว ส่วนมติครม.อนุมัติ กู้เงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของประเทศจีน ประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อลงทุนโครงการระบบขนส่งมวลชน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นโครงการรถไฟฟ้า นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า คงไม่ทันรัฐบาลนี้ เพราะต้องมีการศึกษากฎหมายของจีนในรายละเอียดเกี่ยวกับการกู้เงิน "ถ้าเราเคลียร์กฎหมายได้เมื่อไร ก็สามารถเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ได้"นายพงษ์ภาณุ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ