ซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยว่า วิกฤตการณ์สินเชื่อได้ฉุดรั้งให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอยรุนแรงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มว่าจะยังอยู่ในช่วงขาลงไปจนถึงปลายปี 2552 สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ซิตี้กรุ๊ปได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2551-2559 ลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับ 1% เมื่อเทียบเป็นรายปี จากที่คาดการณ์ในก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 1.6% และ 2.1% ตามลำดับ นอกจากนี้ ซิตี้กรุ๊ปยังคาดการณ์ด้วยว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นจะลดลงมาอยู่ที่ 1% ในเดือนมิ.ย.เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในตลาดเงินที่ตึงตัวอย่างรุนแรงและภาวะเศรษฐกิจที่สั่นคลอน ซิตี้กรุ๊ประบุว่า เศรษฐกิจจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว เนื่องจากรากฐานของปัญหามาจากตัวเลขหนี้สินที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น และงบดุลบัญชีที่อ่อนแอโดยเฉพาะในภาคครัวเรือนและสถาบันการเงิน หากตลาดเงินยังคงเผชิญความตึงเครียดรุนแรงต่อไปหรือยิ่งเลวร้ายลง เราก็คาดว่าเฟดจะยิ่งอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินมากขึ้น รวมถึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยควบคู่ไปกับการออกมาตรการช่วยเหลือสถาบันการเงินให้รอดพ้นจากวิกฤตดังกล่าว ทั้งนี้ วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในต่างประเทศ แต่สำหรับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่นั้นจะไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงมากนัก