ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 36.78 อ่อนค่าตามทิศทางภูมิภาค คาดกรอบพรุ่งนี้ 36.65-36.85

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 15, 2022 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 36.78 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่า จากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 36.63 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่าเช่นเดียวกับภูมิภาค โดยระหว่างวัน เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 36.59 - 36.80 บาท/ดอลลาร์

"บาทอ่อนค่าตามภูมิภาค หลังมีแรงซื้อดอลลาร์กลับเข้ามา โดยคืนนี้ตลาดรอดูตัวเลขยอดค้าปลีกขอสหรัฐ" นักบริหารเงิน
กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 36.65 - 36.85 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 143.39 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 143.03 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 0.9988 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 0.9975 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,642.33 จุด ลดลง 14.25 จุด, -0.86% มูลค่าการซื้อขาย 72,795 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 4,526.37 ล้านบาท(SET+MAI)
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ชี้หากปีนี้สามารถผลักดันยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ 10
ล้านคน สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 6 ล้านคน จะช่วยให้ GDP ของไทยยังคงรักษาระดับอยู่ที่ 3.1% หรือในกรอบ 2.7-3.5%
  • กระทรวงการคลัง เผยมีผู้ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ทั้งสิ้น 23.40 ล้านคน ส่วนผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการฯ แต่
ไม่ได้มีการใช้จ่ายภายในระยะเวลาที่กำหนดมีประมาณ 3.07 ล้านราย
  • กระทรวงการคลัง เผยการใช้สิทธิมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ระยะที่ 2 ประกอบด้วย
โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5, โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่
3 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ณ วันที่ 14 ก.ย.65 เวลา 23.00 น.มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม 36.32 ล้านคน และมียอดใช้
จ่ายสะสมแล้ว 22,902.04 ล้านบาท
  • วุฒิสภาสหรัฐ อนุมัติร่างกฎหมายซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการสนับสนุนของสหรัฐต่อไต้หวัน โดยรวมถึงการจัดสรรเงินช่วย
เหลือด้านความมั่นคงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ท่ามกลางแรงกดดันของจีนที่เพิ่มขึ้นต่อไต้หวัน
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) เผยอัตราว่างงานเดือน ส.ค.ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 3.5% จากระดับ 3.4% ใน
เดือน ก.ค.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 48 ปี ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น 33,500 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการมีส่วนร่วมในตลาดแรง
งานพุ่งขึ้นแตะระดับ 66.6%
  • ญี่ปุ่นขาดดุลการค้ารายเดือนสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือน ส.ค. เนื่องจากนำเข้าเชื้อเพลิงราคาแพงเพิ่มขึ้นและเงินเย
นอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจญี่ปุ่นต่อแรงกดดันด้านราคาจากต่างประเทศ
  • ธนาคารกลางจีน ประกาศอัดฉีดเงินกว่า 2 แสนล้านหยวน (2.87 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในโครงการปล่อยเงินกู้ใหม่
(Relending Program) เพื่อกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทต่างๆ ซึ่งนับเป็นมาตรการล่าสุดที่ทางการจีนนำมาใช้เพื่อ
ฟื้นฟูเศรษฐกิจ
  • สัปดาห์นี้ สหรัฐฯ จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีก

เดือนส.ค., ดัชนีภาคการผลิต เดือนก.ย., ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนส.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. และดัชนี

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ