จีนยอมรับว่า พื้นที่ทางการเกษตรของประเทศลดลงจนอยู่ใกล้ระดับวิกฤตเมื่อปีที่แล้ว ท่ามกลางสถานการณ์ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการควบคุมต้นทุนอาหารที่สูงขึ้นของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกอย่างจีน
กระทรวงที่ดินจีนระบุว่า การพัฒนาประเทศให้ทันสมัยของจีน ด้วยการปรับเปลี่ยนพื้นที่การเกษตรไปเป็นเขตอุตสาหกรรมหรือโครงการที่พักอาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้พื้นที่ทางการเกษตรลดลงในปีที่แล้ว อย่างไรก็ดีการลดลงในปี 2550 ยังเป็นอัตราที่ช้ากว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลจีนได้ใช้ความพยายามในการดำเนินการเพื่อที่จะควบคุมปัญหา อาทิ การกวาดล้างการครอบครองที่ดินโดยผิดกฎหมายของกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาฯและเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่น
สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า เมื่อปีที่แล้ว จำนวนพื้นที่เพาะปลูกของจีนทรุดฮวบลงถึง 40,700 เฮคเตอร์ หรือ 100,500 เอเคอร์ เหลือ 121.73 ล้านเฮคเตอร์
รัฐบาลได้เตือนเรื่องปริมาณที่ดินเพื่อการเพาะปลูกมาหลายปีแล้วว่า พื้นที่เพาะปลูกอาจจะลดลงเหลือ 120 ล้านเฮคเตอร์ และขณะนี้ก็ได้พยายามที่จะใช้ที่ดินที่เหลืออยู่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หู คุนจี หัวหน้าคณะกรรมการวางแผนของกระทรวงที่ดินกล่าวว่า เป้าหมายของแผนการนี้คือ การคุ้มครองพื้นที่เพาะปลูกที่มีอยู่อย่างจำกัด และใช้พื้นที่ที่กำหนดมาไว้สำหรับการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งพื้นที่ 120 เฮคเตอร์นี้ก็ยังถูกมองว่าเป็นปริมาณพื้นที่ที่เข้าขั้นวิกฤต ยกเว้นเสียแต่ว่าจีนจะมีการปฏิรูปด้านชีวภาพเพื่อกระตุ้นผลผลิตทางการเกษตร
พื้นที่การเกษตรที่ลดลงนี้เกิดขึ้นสอดคล้องกับช่วงเวลาที่ราคาอาหารในจีนพุ่งสูงขึ้นมากเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งราคาอาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อของจีนทะยานขึ้น
รัฐบาลจีนได้เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ราคาอาหารพุ่งถึง 21% ในไตรมาสแรกปีนี้ โดยอัตราเงินเฟ้อโดยรวมอยู่ที่ 8.0%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์:
[email protected]