นายซู เซียนจุน รองผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนคาดการณ์ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีนในปี 2551 จะปรับตัวลดลงจากระดับ 11.9% ในปี 2550 เนื่องจากตัวเลขการลงทุนและการส่งออกชะลอตัวลง หนังสือพิมพ์พีเพิล เดลี่ของจีนรายงานโดยอ้างคำกล่าวของนายซูว่า อัตราการอุปโภคบริโภคคาดว่าจะเทียบเท่าหรือมากกว่าระดับในปี 2550 เศรษฐกิจสหรัฐ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่นที่ชะลอตัวลง คาดว่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของจีน และอาจทำให้ตัวเลขการลงทุนจากบรรดาบริษัทที่พึ่งพาการส่งออกปรับตัวลดลงด้วย นอกจากนี้ การปรับนโยบายด้านการเรียกคืนภาษี การแข็งค่าขึ้นของเงินหยวน และต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น จะเป็นปัจจัยที่สกัดกั้นการเติบโตด้านการส่งออก ทั้งนี้ นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงข้อบังคับเกี่ยวกับการใช้ที่ดินและสิ่งแวดล้อม จะเป็นปัจจัยที่จำกัดการขยายตัวด้านการลงทุน แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามลงทุนและฟื้นฟู หลังจากที่เกิดเหตุพายุหิมะพัดถล่มเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็ตาม อย่างไรก็ตาม ค่าแรงที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในแถบชนบท จะเป็นตัวขับเคลื่อนความต้องการของผู้บริโภคให้เพิ่มขึ้นในปี 2551 นายซูกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลกลางควรให้ความสำคัญก็คือการสกัดกั้นไม่ให้เศรษฐกิจในปีนี้ชะลอตัวลงมากจนเกินไป เนื่องจากรัฐบาลพยายามคุมเข้มนโยบายการเงิน รวมถึงจีนควรสกัดกั้นไม่ให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงจนเกินไป เนื่องจากที่ผ่านมาจีนได้รับแรงกดดันจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ร้อนแรงจนเกินไป ภัยธรรมชาติ รวมถึงราคาน้ำมัน อาหาร และสินค้าการเกษตรที่พุ่งสูงขึ้น สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงาน