
นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC-CI) เดือนมิ.ย. 66 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของภาคธุรกิจและหอการค้าทั่วประเทศ จำนวน 369 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 26-30 มิ.ย. 66 โดยดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 55.2 เพิ่มขึ้นจากระดับ 53.6 ในเดือนพ.ค. 66
โดยดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในแต่ละภูมิภาค เป็นดังนี้
- กรุงเทพฯ และปริมณฑล ดัชนีฯ อยู่ที่ 54.3 เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 52.7
- ภาคกลาง ดัชนีฯ อยู่ที่ 55.6 เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 53.8
- ภาคตะวันออก ดัชนีฯ อยู่ที่ 57.8 เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 56.1
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดัชนีฯ อยู่ที่ 54.6 เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 53.0
- ภาคเหนือ ดัชนีฯ อยู่ที่ 55.1 เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 53.7
- ภาคใต้ ดัชนีฯ อยู่ที่ 53.9 เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 52.5
ปัจจัยบวก ได้แก่
1. นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้ระดับรายได้จากนักท่องเที่ยวสูงขึ้น
2. ภาคธุรกิจเริ่มขยายการลงทุน และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น
3. ความคาดหวังต่อการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อให้สามารถมีคณะรัฐบาลเข้ามาทำงานบริหารแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างเร็วที่สุด
4. ราคาน้ำมันขายปลีกแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 91 (E10) และแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 95 ในประเทศ และราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศ อยู่ในระดับทรงตัวจากเดือนที่ผ่านมา
5. ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับ 34.253 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนพ.ค. 66 เป็น 34.923 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 66 ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อผู้ส่งออกของไทย
6. ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้นหรือทรงตัว ส่งผลให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้สูงขึ้น และมีกำลังซื้อในต่างจังหวัดเริ่มปรับตัวดีขึ้น
ปัจจัยลบ ได้แก่
1. สถานการณ์ทางการเมืองมีความไม่แน่นอนสูง จากการจัดตั้งรัฐบาล และการดำเนินการในนโยบายต่างๆ
2. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าหลักยังคงมีความไม่แน่นอนสูง อาทิ จีน สหรัฐ และยุโรป ทำให้เศรษฐกิจโลกยังชะลอตัวอยู่
3. ต้นทุนการผลิตยังคงอยู่ในระดับสูง อาทิ ไฟฟ้า วัตถุดิบการผลิต ส่งผลต่อความสามารถทางด้านการแข่งขันของไทย
4. อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ทำให้ต้นทุนการเงินของผู้ประกอบการสูงขึ้น
5. ความเสี่ยงจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง (El Nino) ต่อภาคการเกษตรในประเทศ
6. ปัญหาค่าเชื้อเพลิง และพลังงาน รวมถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
7. การส่งออกของไทยเดือน พ.ค. 66 หดตัว 4.6% มูลค่าอยู่ที่ 24,340.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้าลดลง 3.4% มีมูลค่าอยู่ที่ 26,190.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 1,849.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
8. SET Index เดือน มิ.ย. 66 ปรับตัวลดลง 30.44 จุด จาก 1,533.54 ณ สิ้นเดือน พ.ค. 66 เป็น 1,503.10 ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 66
ทั้งนี้ ภาคธุรกิจเสนอแนวทางดำเนินการในการแก้ไขปัญหา ดังนี้
- ความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ และความพร้อมในการดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ
- การดูแลบริหารจัดการสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตร และการดำเนินชีวิตในประจำวัน
- ผลักดันการเจรจาเพื่อเปิดตลาดใหม่ และเพิ่มโอกาสทางการแข่งขันให้กับผู้ส่งออกไทย เพื่อทดแทนการส่งออกในประเทศหลัก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป
- เร่งลดต้นทุนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจที่ปรับสูงขึ้น และอาจเสียเปรียบคู่ค้าคู่แข่งที่สำคัญ
- การปราบปราม และควบคุมการทุจริตคอร์รัปชันของหน่วยงานภาครัฐอย่างจริงจัง
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ปรับตัวดีขึ้นในทุกภูมิภาค โดยปรับตัวดีสุดตั้งแต่ทำการสำรวจมา คือ ม.ค. 61 หรือดีสุดในรอบ 66 เดือน (5 ปีครึ่ง) แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์คลายตัวจากโควิด-19 แล้ว
"ความเชื่อมั่นทุกภูมิภาคปรับตัวเกิน 50 แต่ไม่ทุกรายการ อย่างไรก็ดี เรื่องแรงงานเกิน 50 ทุกภาคเป็นครั้งแรกที่สำรวจมาตั้งแต่ช่วงโควิด แสดงให้เห็นว่าการจ้างงานกลับมาเป็นปกติ แปลว่าผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้น และในไตรมาส 4/66 จะรู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มจะดี ซึ่งผู้ประกอบการรับรู้ไปนานแล้ว" นายธนวรรธน์ กล่าวอย่างไรก็ดี นับจากนี้เป็นต้นไป ยังไม่เห็นสัญญาณของนักท่องเที่ยวจะไม่เข้ามาในประเทศ แต่ก็ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการส่งออกเช่นกัน ทั้งนี้ หวังว่าการส่งออกจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นภายในปลายปีนี้ ส่วนปัญหาภัยแล้งจากการสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างยังอยู่ในระดับกลัว ดังนั้น ภัยแล้งยังไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยงหลัก ปัจจัยเสี่ยงหลักคือเรื่องของการเมือง