จากกรณีที่สถาบันการเงิน เตรียมเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท (DCC Fee) ในอัตรา 1% ของยอดใช้จ่าย ผ่านรายการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตวีซ่า/มาสเตอร์การ์ด ในการชำระค่าสินค้าหรือบริการด้วยสกุลเงินบาทกับร้านค้า, ร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ และการกดเงินสดที่เลือกเป็นสกุลเงินบาทผ่านตู้ ATM ในต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 67
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ และต่อเนื่องไปในสัปดาห์หน้า ธปท. ได้นัดหารือกับสถาบันการเงิน และบรรดา Service Provider เพื่อขอข้อมูลว่าการที่จะเรียกเก็บ DCC Fee นั้น มีต้นทุนอะไรบ้าง โดยธปท. จะได้รับฟังข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อนำมาประมวล ก่อนจะตัดสินใจในเชิงนโยบายว่าจะอนุญาตให้สถาบันการเงินเรียกเก็บ DCC Fee กับลูกค้าได้หรือไม่
"เราจะเรียกสถาบันการเงิน และผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลกับเรา ว่าต้นทุนที่เรียกเก็บ (ค่า DCC Fee) มีอะไรบ้าง เพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาในเชิงนโยบายอีกที...เราเร่งนัดหารือกันในสัปดาห์นี้ และสัปดาห์หน้า คาดว่าจะได้คำตอบก่อนที่เขาจะประกาศในวันที่ 1 พ.ค. ตอนนี้ ต้องขอเวลา ธปท.หารือกับผู้เกี่ยวข้อง ทั้ง สถาบันการเงิน และ Service Provider ก่อน" นายรณดล กล่าว
พร้อมระบุว่า การที่สถาบันการเงินจะพิจารณาจัดเก็บค่าธรรมเนียมใดๆ จะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของต้นทุน และต้องเป็นธรรมต่อลูกค้า
"หลักการพื้นฐาน ต้องตอบให้ได้ถึงต้นทุนที่มีความเหมาะสม และเป็นธรรมกับผู้บริโภคด้วย" นายรณดล ระบุ