นักบริหารเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 36.45 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากเปิด ตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 36.35 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามทิศทางค่าเงินหยวนเหมือนกับสกุลเงินในภูมิภาค ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อน ไหวในกรอบ 36.35 - 36.50 บาท โดยตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ขณะที่มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาในตลาดพันธบัตร วันนี้ 6.7 พันล้านบาท
"บาทปรับตัวอ่อนค่าตามเงินหยวนเหมือนค่าเงินในภูมิภาค ตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ช่วงนี้คงต้องดู Flow ไปก่อน" นัก
บริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงินฯ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ้งนี้ไว้ที่ 36.35-36.50 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ 151.24 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 151.53 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ 1.0833 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0854 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,380.83 จุด เพิ่มขึ้น 3.60 จุด, +0.26% มูลค่าซื้อขาย 31,800.29 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 682.87 ล้านบาท
- นายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเสนอแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
นอกเหนือจากการออก พ.ร.บ.กู้เงิน, ให้กระทรวงพาณิชย์สรุปหลักเกณฑ์ร้านค้า, ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และ
บอร์ดรัฐบาลดิจิทัล สรุปการพัฒนาระบบและการจัดทำในลักษณะเปิด (Open Loop) และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติวางกรอบวินิจฉัยร้อง
ทุกข์กล่าวโทษ และการเรียกเงินคืน โดยให้ทุกหน่วยงานรายงานในวันที่ 10 เม.ย.นี้
- ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน มีมติเห็นชอบค่าเอฟทีเรียกเก็บในงวดเดือนพ.ค.-ส.ค.67 คงเดิมที่ 39.72
สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.7833 บาทต่อหน่วยแล้ว ทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เป็น
4.1805 บาทต่อหน่วย เท่ากับค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในงวดปัจจุบัน
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ปรับประมาณการการส่งออกไทยในปี 2567 มาอยู่ที่
3.1% (จากเดิม 3.7%) ตามการขยายตัวของปริมาณการค้าโลกในปีนี้ที่ยังมีแนวโน้มดีแต่ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
- Krungthai COMPASS ประเมินการส่งออกของไทยยังฟื้นตัวได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันต่อการส่งออกในปี 2567
ให้ขยายตัวได้เล็กน้อยที่ 1.8% หลังมูลค่าส่งออกของสินค้าสำคัญมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง เช่น ยานพาหนะ น้ำตาลทราย ไขมันและน้ำมัน
จากพืชและสัตว์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลไม้ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น
- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้พบปะกับกลุ่มผู้บริหารธุรกิจชาวอเมริกันที่กรุงปักกิ่งในวันนี้ ซึ่งรวมถึงนายสตีเฟน ชวา
ซแมน ผู้บริหารบริษัทแบล็กสโตน และนายคริสเตียโน เอมอน ผู้บริหารบริษัทควอลคอมม์ การเปิดโอกาสให้บรรดาผู้นำธุรกิจของสหรัฐเข้า
พบในครั้งนี้มีขึ้นขณะที่จีนกำลังหาทางกอบกู้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและพยายามรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐให้ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น
- ข้อมูลจากสภาทองคำโลก (WGC) ระบุว่า อินเดียถือเป็นประเทศหนึ่งที่บริโภคทองคำมากที่สุดในโลกมาอย่างต่อเนื่อง โดย
ธนาคารกลางอินเดียซื้อทองคำ 4.7 ตันในเดือนก.พ. ส่งผลให้ถือครองทองคำสำรองสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 817 ตัน