กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.ลดลง 0.5% แต่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ไม่นับรวมสินค้าด้านการขนส่ง พุ่งขึ้น 2.5% ซึ่งพุ่งขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 9 เดือน
นอกจากนี้ กระทรวงระบุว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องบินลดลง 24.4% ยอดสั่งซื้อโลหะขั้นปฐมภูมิเพิ่มขึ้น 2.8% ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพุ่งขึ้น 4.2% และยอดส่งซื้อสินค้าด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ดีดขึ้น 2.2%
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.ของสหรัฐจะร่วงลง 1.5% เนื่องจากกลุ่มบริษัทเอกชนวางแผนลดการลงทุน และกลุ่มผู้บริโภคซื้อรถยนต์และทีวีน้อยลง ขณะเดียวกันคาดว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ไม่นับรวมสินค้าในหมวดอุปกรณ์ด้านการขนส่ง ลดลง 0.5%
ภาคธุรกิจของสหรัฐมีปฏิกริยาในด้านลบต่อยอดขายที่ทรุดตัวลงและราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นระวัติการณ์ ส่งผลให้การจ้างงานและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคลดลงด้วย ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรที่ชะลอตัวลง ประกอบกับราคาที่อยู่อาศัยที่ตกต่ำลงและการที่ผู้บริโภคใช้จ่ายในการซื้อสินค้าราคาแพงจำพวกรถยนต์น้อยลง อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมาถึงจุดที่ไม่สามารถขยายตัวต่อไปได้อีก หลังจากที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาตลอด 6 ปี
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.ที่ดีเกินคาดของสหรัฐ เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกและหนุนดอลลาร์สหรัฐให้แข็งแกร่งขึ้นเมื่อคืนนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์:
[email protected]