รัฐมนตรีคลังในที่ประชุมสุดยอดเอเชีย-ยุโรป (ASEM) ระบุว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน อาหาร และสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ กำลังคุกคามเสถียรภาพด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก แต่ก็ยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มในระยะยาวของเศรษฐกิจโลก แต่แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะสั้นมีแนวโน้มว่าจะอ่อนตัวลง รัฐมนตรีในที่ประชุมยังระบุด้วยว่า เอเชียและยุโรปมีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ผันผวนอย่างรุนแรงในต่างประเทศมากกว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ การประชุม ASEM ประกอบด้วยรัฐมนตรีจาประเทศสมาชิกสหาภพยุโรป 27 ประเทศและเอเชีย 16 ประเทศ สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน นอกเหนือไปจากราคาเชื้อเพลิงและอาหารแล้ว รัฐมนตรี ASEM ยังได้เจรจาเรื่องวิกฤตการเงินโลกที่เกิดขึ้นเพราะวิกฤตซับไพรม์ในสหรัฐ โดยนางคริสติน ลาการด์ รมว.คลังฝรั่งเศสกล่าวว่า รัฐมนตรีในที่ประชุมสรุปร่วมกันว่า เอเชียและยุโรปสามารถรับมือได้ดีกับวิกฤตซับไพรม์ ระบุเศรษฐกิจของทั้งสองภูมิภาคมีความยืดหยุ่นมากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ แต่ทั้งสองภูมิภาคจะต้องร่วมมือกันต่อไปในการจัดการกับราคาอาหารและพลังงานที่สูงขึ้น รวมทั้งการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รมว.คลังฝรั่งเศสกล่าวว่า ธุรกิจการเงินปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังต้องเผชิญกับผลพวงของวิกฤตการเงินอยู่ ซึ่งรัฐบาลต้องลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พูคุยกันเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งรวมถึงการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อเป็นพลังงานทางเลือก ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีลี เมียง บัค ของเกาหลีใต้ได้เตือนว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นเป็นปัจจัยคุกคามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และเรียกร้องให้นานาประเทศให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหามากกว่านี้ โดยสภาพผันผวนในตลาดเงินโลกได้ลุกลามมายังระบบเศรษฐกิจ และส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก