ผลสำรวจรายไตรมาสของธนาคารกลางจีนเผยว่า ผู้ประกอบธุรกิจที่เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศมีความร้อนแรงเกินไปมีจำนวนลดลง แสดงให้เห็นว่ามาตรการควบคุมเศรษฐกิจมหัพภาคของรัฐบาลเริ่มแสดงผลให้เห็นแล้ว โดยดัชนีวัดความร้อนแรงของเศรษฐกิจมหัพภาค (macro-economy overheating index) ลดลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 18.4% ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว เหลือ 12.3% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามที่เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนร้อนแรงเกินไปมีจำนวนลดลง 2.3% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และลดลง 1.6% เหลือ 7.8% ในไตรมาส 2 ด้านบริษัทเอกชนหลายแห่งรู้สึกว่าได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมทางการเงินของรัฐบาล โดยบริษัทที่รู้สึกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารอยู่ในระดับสูงมีเพิ่มขึ้นเป็น 36% ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540 ผู้ประกอบธุรกิจที่เห็นว่าราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมีมากถึง 44.5% ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540 และเพิ่มขึ้น 13.5% จากปีที่แล้ว ดัชนีผลกำไรภาคองค์กร (corporate profitability index) ขยายตัว 0.7% จากไตรมาสแรก แตะ 10.9% ในไตรมาสนี้ แต่ยังคงลดลง 6.6% และ 1% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2549 และ 2550 ดัชนีการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ (fixed-asset investment index) ขยายตัว 3% จากไตรมาสแรก สู่ระดับ 7.9% ในไตรมาสนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2537 โดยการลงทุนส่วนมากทุ่มไปกับการทำเหมืองถ่านหินและเหมืองเหล็ก การสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการผลิตโลหะกลุ่มเหล็ก สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงาน