ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับล่าสุด โดยปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 51 ให้สอดคล้องกับภาวะเงินเฟ้อที่คาดว่าจะสูงกว่าคาดการณ์เดิม และมีแนวโน้มหลุดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อพื้นฐานที่กำหนดไว้ 0-3.5% จากปัจจัยสำคัญคือราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งแรงเกินกว่าที่คาดไว้มาก ซึ่งเป็นประเด็นที่ธปท.จำเป็นต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยขาขึ้นเข้าไปดูแลเพื่อให้สามาถรคาดการณ์เงินเฟ้อในอนาคตได้ สรุปผลการประมาณการ ณ กรกฎาคม 2551 ร้อยละ 2550 2551 2552อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 4.8 4.8-5.8 4.3-5.8 (เดิม) (4.8-6.0) (4.5-6.0)อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน 1.1 2.8-3.8 3.0-4.0(เดิม) (1.5-2.5) (2.0-3.0)อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 2.3 7.5-8.8 5.0-7.5(เดิม) (4.0-5.0) (2.8-4.3) นางสาวดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท.กล่าวว่า สมมติฐานที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อ 3 เดือนก่อน ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบดูไบปี 51-52 เพิ่มขึ้นเป็น 119.6 และ 135.0 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล, ราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกสูงขึ้นตามราคาข้าว โดยเฉพาะวัตถุดิบด้านการเกษตรเพื่อผลิตพลังงานชีวภาพ รวมถึงต้นทุนค่าขนส่ง สมมติฐานอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่สูงขึ้นจากความกังวลปัญหาเงินเฟ้อ, อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสูงขึ้นจากประมาณการเดิม โดยเฉพาะเศรษฐกิจเอเชียยังแข็งแกร่ง , ค่าเงินในภูมิภาคมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นน้อยกว่าเดิม เนื่องจากแนวโน้มดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เป็นผลจากการดำเนินนโยบายของทางการสหรัฐ และ รายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค และการลงทุนของภาครัฐในปีนี้แม้จะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ปีงบประมาณ 52 น่าจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สำหรับปัจจัยเสี่ยงด้านลบของภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ ยังอยู่ที่ ราคาน้ำมันที่อาจปรับสูงขึ้นจากอุปทานที่ไม่แน่นอน และการขยายตัวทาเงศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่อาจต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังเปราะบาง ประกอบกับสถาบันการเงินในยุโรปประสบภาวะขาดทุนจากปัญหาซับไพร์ม และธนาคารกลางในหลายประเทศของเอเชียอาจต้องดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวในภาวะที่เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นมาก ส่วนปัจจัยเสี่ยงด้านบวก คือ ความเป็นไปได้ในการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อชดเชยผลของเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด , ราคาน้ำมันมีโอกาสต่ำกว่าสมมติฐาน แต่ก็ยังเห็นว่าความเสี่ยงด้านลบน่าจะมีมากกว่าความเสี่ยงด้านบวก ประมาณการเงินเฟ้อระยะต่อไป แม้มาตรการภาครัฐจะช่วยลดแรงกดดันด้านราคาลงไปบ้างในระยะสั้น แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่จะทำให้เงินเฟ้อสูงกว่ากรณีฐาน คือราคาน้ำมัน และการส่งผ่านต้นทุนการผลิตไปยังราคาสินค้าและบริการที่อาจมีมากขึ้น ส่วนหนึ่งจากคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม นโยบายการเงินที่เหมาะสมจะสามารถช่วยดูแลการคาดการณ์เงินเฟ้อ และช่วยให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานโน้มลงกลับเข้าสู่ช่วงเป้าหมายที่ 0-3.5% ได้เร็วขึ้น