เมอร์ริล ลินช์ ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า บริษัทจะขายสินทรัพย์บางส่วนที่มีประสิทธิภาพในการทำกำไรต่ำ และจะออกหุ้นใหม่เพื่อระดมทุนราว 8.5 พันล้านดอลลาร์ พร้อมกล่าวว่าบริษัทอาจต้องปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีลง 5.7 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากขาดทุนในตลาดปล่อยกู้จำนองและผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตการณ์สินเชื่อ ขณะเดียวกันมีรายงานว่า บริษัท เทมาเส็ค โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นกองทุนบริหารความมั่งคั่ง (SWF) ของสิงคโปร์ ได้เข้าซื้อหุ้นมูลค่า 900 ล้านดอลลาร์ในเมอร์ริล ลินช์ การเปิดเผยของเมอร์ริล ลินช์ มีขึ้นหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการ โดยราคาหุ้นเมอร์ริล ลินช์ ร่วงลง 11.6% แตะระดับ 24.33 ดอลลาร์ และร่วงลงไปแล้วราว 54% ในปีนี้ เมอร์ริล ลินช์ ระบุว่า บริษัทเตรียมขายหลักทรัพย์ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันบางส่วน และยกเลิกธุรกิจเฮดจ์ฟันด์ที่เกี่ยวข้องกับการออกตราสารหนี้ ซึ่งธุรกิจทั้งสองส่วนนี้ได้รับผลกระทบหนักสุดจากวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อเมื่อปีที่แล้ว ส่วนในช่วงไตรมาสสองที่ผ่านมา เมอร์ริล ลินช์ ขาดทุน 4.89 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ เพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อ ส่งผลให้เมอร์ริล ลินช์ขาดทุนติดต่อกัน 4 ไตรมาส และทำให้บริษัทต้องปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีมูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ เมอร์ริล ลินช์ ขาดทุนไตรมาส 2 ทั้งสิ้น 4.97 ดอลลาร์/หุ้น หลังจากจ่ายเงินปันผลเสร็จสิ้น เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่บริษัทสามารถทำกำไรได้ถึง 2.01 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.24 ดอลลาร์/หุ้น เมอร์ริล ลินช์ ระบุว่า บริษัทได้ขายหุ้นในบริษัทบลูมเบิร์ก แอลพี มูลค่า 4.4 พันล้านดอลลาร์ และขายหุ้นในบริษัทไฟแนนเชียล ดาต้า เซอร์วิสเซส ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ มูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์ จอห์น เธน ซีอีโอเมอร์ริล ลินช์เปิดเผยว่า "ต้องยอมรับว่าผลประกอบการไตรมาส 2 ของเราน่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง และเรากำลังเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบาก อย่างไรก็ตาม เรายังมีเวลาอีก 2 ไตรมาสที่จะเร่งดำเนินการเพื่อชดเชยตัวเลขขาดทุน" สำนักข่าวเอพีรายงาน