เชลล์เผยราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์หนุนรายได้สุทธิ Q2/51 โต 33%

ข่าวต่างประเทศ Thursday July 31, 2008 17:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โรยัล ดัชต์ เชลล์ พีแอลซี (Royal Dutch Shell Plc) บริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในยุโรป เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่สองของปีนี้ขยายตัวขึ้น 33% ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
เชลล์กล่าวในแถลงการณ์ว่า รายได้สุทธิขยายตัวขึ้นแตะที่ 1.156 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 8.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีก่อนหน้านี้
ซีอีโอของเชลล์มีแผนที่จะรับมือกับปัญหาการขาดแคลนผลผลิตในไนจีเรียและรัสเซียด้วยการใช้แหล่งทรายน้ำมันในแคนาดาและพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติเหลวในกาตารีหลังจากที่สัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าในตลาดสหรัฐขยายตัวขึ้นเหนือระดับ 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในเดือนมิ.ย. ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติขยายตัวขึ้น 50% ในปีนี้
"เชลล์ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างร้อนแรง" เจมส์ บาร์ตี้ ประธานของ Arrowgrass Capital Partners ในกรุงลอนดอนกล่าวให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กเมื่อวานนี้
หากไม่นับรวมยอดกำไรหรือตัวเลขขาดทุนจากการมีน้ำมันในสต็อกแล้ว เชลล์จะรายงานตัวเลขผลกำไรที่ 7.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ 11 รายจากโพลล์ของสำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลที่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 8.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ผลผลิตที่ซบเซาและราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ร่วงลง 13% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันที่ 147.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 11 ก.ค. ได้ฉุดรั้งให้หุ้นของเชลล์ดิ่งร่วงลง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อวานนี้หุ้นเชลล์ปิดที่ระดับ 1,837 เพนซ์ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นลอนดอน โดยในปีนี้หุ้นเชลล์ร่วงลงไปแล้ว 13% ขณะที่หุ้นของบีพี พีแอลซี บริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของยุโรปดิ่งลง 17% ซึ่งเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทรายงานผลกำไรที่เพิ่มขึ้น 28% แตะที่ 9.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ