ธนาคารกลางอังกฤษเผชิญวิกฤตเงินเฟ้อที่พุ่งแตะ 4.4% ในเดือนก.ค. หลังรัฐบาลเผยว่ายอดขายบ้านร่วงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่ยอดค้าปลีกก็ลดลงมากสุดในรอบ 3 ปี โดยตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวอยู่ในระดับสูงกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ 2% และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนมากคาดการณ์ไว้ อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงกดดันให้เมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้ แม้ว่าการลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งจะช่วยให้ยอดค้าปลีกไปจนถึงยอดขายบ้านกระเตื้องขึ้นก็ตาม เนื่องจากการลดดอกเบี้ยก็จะทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงกว่าเดิมเช่นกัน "ข้อมูลดังกล่าวสร้างความลำบากใจให้กับธนาคารกลางอังกฤษเป็นอย่างมาก" โฮเวิร์ด อาร์เชอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ยุโรปจากโกลบอล อินไซต์ กล่าว สถาบัน Royal Institution of Chartered Surveyors (RICS) รายงานว่า ผู้ค้าบ้านหลายรายลดราคาบ้านลงต่ำกว่าความเป็นจริง โดยราคาบ้านลดลง 0.7% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. ในขณะเดียวกัน Halifax ซึ่งเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อเพื่อการซื้อบ้านรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษ รายงานก่อนหน้านี้ว่าราคาบ้านลดลงราว 1.7% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และลดลง 8.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี "การขาดผู้ปล่อยกู้ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะชะงักงัน โดยจำนวนผู้ซื้อบ้านครั้งแรกมีน้อยมาก" เอียน เพอร์รี่ โฆษกของสถาบัน กล่าว ในขณะเดียวกัน ผลสำรวจของ British Retail Consortium เผยว่า ยอดค้าปลีกในอังกฤษลดลง 0.9% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากค่าใช้จ่ายประจำวันที่สูงขึ้นและราคาบ้านที่ลดลงทำให้ผู้บริโภคต้องควบคุมการใช้จ่ายอย่างเข้มงวด โดยยอดค้าปลีกดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ทางสถาบันเริ่มทำการสำรวจเมื่อปี 2548 ด้านผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ของสถาบัน GfK NOP เผยว่า 41% ของผู้ตอบแบบสอบถามออกไปเที่ยวนอกบ้านน้อยลง และ 38% วางแผนการท่องเที่ยวลดลง ทั้งนี้ คาดว่าเมอร์วิน คิง จะเผยแนวโน้มราคาสินค้าและทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในรายงานอัตราเงินเฟ้อประจำไตรมาสซึ่งจะได้รับการเปิดเผยในวันนี้ สำนักข่าวเอพีรายงาน