นักท่องเที่ยวจากสหรัฐเยือนแคนาดาลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปีเมื่อเดือนมิ.ย.

          จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเยือนแคนาดาในช่วงเดือนมิ.ย.ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปี โดยมีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันเบนซินที่สูงขึ้นและสกุลเงินแคนาดาที่แข็งค่าขึ้นได้ส่งผลกระทบให้ชาวสหรัฐซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ลดการท่องเที่ยวในประเทศแคนาดาลง          
          สำนักงานสถิติแคนาดาเปิดเผยว่า ยอดนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐที่เดินทางไปยังประเทศแคนาดาช่วงเดือนมิ.ย.ปรับตัวลดลง 16% จากปีที่ผ่านมาแตะที่ระดับ 2.56 ล้านราย แม้ว่าแคนาดาจะมีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆเพิ่มขึ้น 2.6% แตะที่ 575,000 ราย แต่ภาวะดังกล่าวส่งผลให้ยอดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยรวมลดลง 13% มาอยู่ที่ระดับ 3.13 ล้านราย ซึ่งเป็นสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่มีการบันทึกจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2515
          "นักท่องเที่ยวชาวสหรัฐมักจะเดินทางเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าในแคนาดามากกว่าชาวแคนาดาเสียอีก ดังนั้นการที่จำนวนนักท่องเที่ยวเหล่านี้ลดลงจึงส่งผลกระทบต่อยอดขายตั๋วของเรา" แอน สเวอร์ดเฟเกอร์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อมวลชนของงาน Stratford Shakespeare Festival กล่าวโดยเขาคาดว่า ยอดขายตั๋วเพื่อเข้าร่วมงานเทศกาลครั้งนี้อาจลดลงประมาณ 16% เนื่องจากนักท่องเที่ยวต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น 
          อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของแคนาดาซึ่งมีเม็ดเงินสะพัด 7.06 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาดา (6.64 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต้องเผชิญภาวะซบเซาตั้งแต่ช่วงที่เกิดเหตุวินาศกรรมสหรัฐในปี 2554 ขณะที่ภาวะเงินดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าขึ้น 59% นับตั้งแต่ปี 2545 ยังทำให้นักท่องเที่ยวมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าประเทศแคนาดาแพงขึ้นด้วย 
          ทั้งนี้ รายได้ของนักท่องเที่ยวที่หดหายไปเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจแคนาดาเผชิญภาวะชะลอตัวหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2535 ท่ามกลางภาวะอุปสงค์จากสหรัฐที่ชะลอตัวลง