ส.อ.ท.เผยก.ค.ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 76.9 จาก 73.6 ในมิ.ย.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 21, 2008 11:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.ค.51 อยู่ที่ 76.9 เพิ่มขึ้นจากที่อยู่ในระดับ 73.6 ในเดือน มิ.ย.51 เนื่องจากได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และเงินบาทอ่อนค่าลง
"ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงส่งผลดีต่อต้นทุนการประกอบการที่ลดลง ด้านยอดคำสั่งซื้อและยอดขายยังคงมีการปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่าเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันทำให้ความสามารถในการแข่งขันปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย" นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธาน ส.อ.ท.กล่าวถึงผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย(Thai Industries Sentiment Index: TISI) ในเดือน ก.ค.51 ที่ได้จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,048 ตัวอย่าง ครอบคลุม 39 กลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท.
ขณะที่ความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าที่ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 77.0 เป็น 82.9 โดยคาดว่าได้รับผลดีจากสถานการณ์ปัจจุบันราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และเงินบาทที่อ่อนค่าลงเช่นกัน
ด้านความเชื่อมั่นกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ พบว่า อุตสาหกรรมที่ค่าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นและอยู่ในระดับที่สูงกว่า 100 มี 4 สาขา ได้แก่ อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมการจัดการของเสียและวัสดุเหลือใช้ อุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม และอุตสาหกรรมก๊าซ
"อุตสาหกรรมด้านพลังงาน 3 อุตสาหกรรมได้รับผลดีต่อเนื่องจากราคาพลังงานปรับเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา" นายสันติ กล่าว
ส่วนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจำแนกตามภูมิภาค พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ยกเว้นภาคตะวันออก แต่หากจำแนกตามสัดส่วนการส่งออกพบว่า ผู้ประกอบการที่เน้นจำหน่ายทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศต่างมีความเชื่อมั่นปรับเพิ่มสูงขึ้น
"ผู้ประกอบการที่เน้นจำหน่ายตลาดในประเทศได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ช่วยให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการที่เน้นจำหน่ายตลาดต่างประเทศได้รับผลดีจากทั้งยอดคำสั่งซื้อและยอดขายที่ยังคงปรับเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่คาดว่าจะยังคงสามารถขยายได้ในระยะ 3 เดือนข้างหน้า ประกอบกับค่าเงินบาทที่ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ส่งผลดีต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม" นายสันติ กล่าว
นายสันติ กล่าวว่า สภาวะแวดล้อมการดำเนินกิจการในเดือน ก.ค.ถือเป็นเดือนแรกของปี 51 ที่ปัจจัยแวดล้อมในการดำเนินกิจการผ่อนคลายมากขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง อัตราแลกเปลี่ยนมีเสถียรภาพในทิศทางที่อ่อนค่าเล็กน้อย เศรษฐกิจโลกยังคงขยายตัวได้ ทำให้การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อมีความจำเป็นน้อยลง
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่าภาครัฐควรกำหนดนโยบายพลังงานทดแทนที่ชัดเจน, มีมาตรการส่งเสริมระยะยาวให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมมีเงินทุนหมุนเวียน, ดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ, ส่งเสริมและพัฒนาฝีมือแรงงาน, เพิ่มอัตราค่าจ้างและสวัสดิการเพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และเร่งสร้างเสถียรภาพทางการเมืองเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ