สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า มอร์แกน สแตนลีย์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐกลายเป็นเหยื่อวิกฤติสินเชื่อรายล่าสุด โดยขณะนี้ทางบริษัทกำลังวิ่งรอกเจรจากับซิติค กรุ๊ปของจีน รวมถึงเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง พีแอลซี โดยมีแนวโน้มว่าจะขายกิจการให้สถาบันการเงินเหล่านี้ นอกจากนี้ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับนายจอห์น แมค ซีอีโอของมอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่า ทางบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะควบกิจการกับวาโชเวีย คอร์ปด้วยหรือไม่ เนื่องจากบริษัทต้องการฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนหลังจากที่หุ้นดิ่งลงอย่างหนักถึง 42% ในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ ตัวแทนของวาโชเวีย คอร์ป ได้แจ้งมาทางซีอีโอของมอร์แกน สแตนลีย์ว่า วาโชเวียมีความสนใจซื้อกิจการมอร์แกน อย่างไรก็ตาม การเจรจาครั้งนี้ยังไม่เป็นที่เปิดเผยและอาจยุติลงโดยไร้ข้อสรุป แต่อย่างน้อยความเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งที่จะให้มอร์แกน สแตนลีย์ ตัดสินใจในระหว่างที่กำลังหาทางออกเพื่อมิให้นักลงทุนกระหน่ำเทขายหุ้นออกมามากเกินไป "มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่มอร์แกน สแตนลีย์จะตัดสินชะตากรรมของบริษัทด้วยตัวเองมากกว่าที่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตลาด" นักวิเคราะห์จาก Renaissance Financial Corp กล่าว "อย่างไรก็ตาม วาโชเวียยังคงมีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจในเรื่องนี้มากขึ้น" ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ และโกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุด หลังจากที่การประกาศแผนช่วยเหลืออเมริกัน อินเตอร์เนชั่นเนล กรุ๊ป อิงค์ (AIG) ของรัฐบาลสหรัฐไม่ได้ช่วยให้ความหวั่นวิตกต่อวิกฤตสินเชื่อบรรเทาเบาบางลง ขณะที่ยอดหนี้ค้างชำระของสถาบันการเงินในย่านวอลล์สตรีทพุ่งทะยานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน