ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกแผนกู้วิกฤตภาคการเงินล่าช้า ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 161.52 จุด

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 24, 2008 06:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือภาคการเงินในสหรัฐ อาจทำให้การดำเนินการดังกล่าวล่าช้าออกไป ซึ่งจะยิ่งฉุดรั้งให้สถานการณ์ด้านสินเชื่อและตลาดการเงินภายในประเทศย่ำแย่ลงด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 161.52 จุด หรือ 1.47% แตะที่ 10,854.17 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 18.87 จุด หรือ 1.56% แตะที่ 1,188.22 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 25.65 จุด หรือ 1.18% แตะที่ 2,153.33 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.15 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลที่ว่า มาตรการมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลสหรัฐผลักดันให้ผ่านมติของสภาคองเกรสนั้น อาจล่าช้าออกไปเนื่องจากยังคงมีการถกเถียงกันถึงเรื่องนี้ในสภาคองเกรส โดยล่าสุด เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติแผนการดังกล่าวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเตือนว่าความล่าช้าจะทำให้เศรษฐกิจเผชิญความเสี่ยง แต่สมาชิกสภาคองเกรสให้เหตุผล แผนการดังกล่าวยังขาดรายละเอียดที่ครอบคลุม
จิม เฮอร์ริค นักวิเคราะห์จากบริษัท Baird & Co. กล่าวว่า "ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าของมาตรการมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้น และนักลงทุนบางกลุ่มปลีกตัวออกไปดูความเคลื่อนไหวอยู่นอกตลาด อย่างไรก็ตาม แรงกดดันในตลาดหุ้นนิวยอร์กลดน้อยลงบ้างแล้ว หลังจากสัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาด NYMEX ร่วงลงกว่า 2 ดอลลาร์ หลังจากที่ตลาดตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกเมื่อสัญญาส่งมอบเดือนต.ค.ทะยานขึ้นกว่า 6 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์"
ริชาร์ด แคนเตอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อและนักวิเคราะห์ของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส มองว่า แผนการให้เงินช่วยเหลือสถาบันการเงินสหรัฐมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ด้วยการซื้อสินทรัพย์ที่มีปัญหานั้น อาจจะช่วยคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในระยะสั้นเท่านั้น แต่ไม่สามารถยุติวิกฤตสินเชื่อที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด
ขณะที่ มาร์ค แซนดี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Moody's Economy.com กล่าวว่า การล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ และการขายกิจการของเมอร์ริล ลินช์ ให้กับแบงค์ ออฟ อเมริกา คอร์ป ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐที่เปราะบางอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก ดังนั้น ธนาคารพาณิชย์จึงให้ความสำคัญกับการอยู่รอดของตนเองมากกว่าการปล่อยกู้
ด้านนายโดมินิก สเตราส์-คาห์น ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ขานรับมาตรการของสหรัฐในการฟื้นฟูภาคธนาคาร และกล่าวว่ารัฐบาลอื่นๆควรจัดทำแผนรองรับไว้ด้วยเพื่อรับมือกับวิกฤติการเงินโลก
"ผมเห็นด้วยกับมาตรการที่รัฐบาลสหรัฐกำลังนำมาใช้ และคาดหวังว่าจะมีการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และผมแนะนำให้ประเทศอื่นๆเตรียมแผนการรองรับที่เบ็ดเสร็จ ผมเชื่อว่าวิกฤตการณ์เชิงระบบ ต้องการการแก้ปัญหาเชิงระบบ" นายสเตราส์-คาห์นกล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์ส
หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวผันผวน โดยหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 2.5% หุ้นวอชิงตัน มูชวล รูดลง 3.9% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงอย่างหนัก โดยหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม คอร์ป ร่วงลง 5% หุ้นเอ็กซ์ทีโอ เอ็นเนอร์จี ร่วงลง 2.2%
หุ้นอินเทลดีดขึ้น 13 เซนต์ ปิดที่ 18.63 ดอลลาร์ และหุ้นสปรินท์ เน็กซ์เทล คอร์ป ทะยานขึ้น 4.2%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ