กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า สหรัฐอเมริกาอาจเผชิญภาวะถดถอยจากสถานการณ์ความปั่นป่วนจากภาคธุรกิจการเงินที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกของไอเอ็มเอฟที่อ้างถึงแนวโน้มการเผชิญภาวะขาลงอย่างรุนแรงในสหรัฐระบุว่า "ความผันผวนในตลาดเงินซึ่งเริ่มปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2550 ได้ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ครั้งรุนแรง" ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่สภาคองเกรสของสหรัฐเตรียมลงมติแผนกอบกู้ภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อป้องกันมิให้เศรษฐกิจล่มสลายหลังจากที่วุฒิสภาได้มีมติเห็นชอบมาตรการดังกล่าวไปเมื่อวานนี้ โดยหลายฝ่ายคาดว่า สภาผู้แทนราษฎรจากสหรัฐจะลงมติรับ-ไม่รับร่างดังกล่าวในคืนวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากที่ได้คว่ำมาตรการดังกล่าวไปเมื่อ 3 วันก่อน ด้านนายชาร์ลส์ คอลลินส์ รองผอ.ฝ่ายวิจัยของไอเอ็มเอฟอธิบายว่า วิกฤตการเงินเป็นความเสียหายร้ายแรงมาตั้งแต่ปี 1930 เมื่อระบบการเงินเผชิญความเสียหายดังเช่นที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เศรษฐกิจก็มีแนวโน้มว่าจะเผชิญช่วงขาลงรุนแรง นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟยังได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการฟื้นฟูพื้นฐานเงินทุนที่เป็นหัวใจสำคัญของสถาบันการเงิน รวมถึงภาคธุรกิจประเภทนายหน้าค้าหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจรอดพ้นจากภาวะขาลง พร้อมทั้งเตือนว่าเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายต้องหาทางกำหนดกลยุทธ์กระตุ้นเสถียรภาพทางการเงิน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงระยะยาว สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า วิกฤตการเงินเริ่มปรากฎขึ้นในเดือนส.ค.2550 จากผลกระทบการล่มสลายของวิกฤตซับไพรม์สหรัฐและนับแต่นั้นเป็นต้นมา บรรดาบริษัทหลายแห่งต่างตั้งสำรองหนี้สูญกันหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจนสร้างความเสียหายต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก