อัตราดอกเบี้ยสูงสุดสำหรับเงินกู้ระยะสั้น (MMR-Money Market Rate) ในภูมิภาคเอเชียวันนี้ร่วงลงถ้วนหน้า หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นและออสเตรเลียได้อัดฉีดเงินเข้าระบบรวมมูลค่า 1.29 หมื่นล้านดอลลาร์อีกในวันนี้ ประกอบกับรัฐบาลหลายประเทศให้คำมั่นว่าจะซื้อหุ้นในธนาคารที่มีปัญหา เพื่อผ่อนปรนวิกฤตสินเชื่อที่อาจจะทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เงินดอลลาร์ระยะเวลา 3 เดือนของสิงคโปร์ตกลง 0.13% แตะ 4.66% ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 1 สัปดาห์ ส่วนเงินดอลลาร์ฮ่องกงร่วงลง 0.02% แตะ 4.42% ซึ่งอ่อนตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. ส่วนต้นทุนการกู้ยืมในญี่ปุ่นและออสเตรเลียอ่อนตัวลง เนื่องจากธนาคารของทั้งสองประเทศได้อัดฉีดเงินเข้าระบบ
ขณะที่รัฐบาลยุโรปและสหรัฐอาจจะใช้งบประมาณถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อคลี่คลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ ตอบสนองความต้องการเงินดอลลาร์ และฟื้นฟูกิจการแบงค์ต่างๆ เช่น ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ และโรยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ส่วนตลาดหุ้นทั่วโลกเองก็ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่การกู้ยืมในตลาดอินเตอร์แบงค์ต้องหยุดชะงัก ท่ามกลางวิกฤตศรัทธาหลังจากที่เกิดวิกฤตซับไพรม์ในสหรัฐ
บลูมเบิร์กรายงานว่า ทาคาชิ นิชิมูระ นักวิเคราะห์ของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะต้องอีดฉีดเงินเข้าระบบอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมว่า ภาวะตึงตัวด้านการเงินในตลาดเงินกู้ระยะสั้นจะสิ้นสุดลง โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคารของต่างประเทศ
ค่าธรรมเนียมระยะเวลา 3 เดือนของเงินกู้สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อวานนี้ หลังจากที่ผู้บริหารระดับนโยบายได้เสนอเงินทุนในสกุลเงินดอลลาร์แบบไม่จำกัดจำนวน ส่วนรัฐบาลยุโรปก็ให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการที่จำเป็นทุกวิถีทางเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้กู้ สหรัฐก็ประกาศฟื้นฟูตลาดสินเชื่อ ซึ่งประกอบด้วยการเข้าไปซื้อหุ้นแบงค์ใหญ่ 9 แห่ง มูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์