โททาล เอสเอ (Total SA) บริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดอันดับสามของยุโรปเปิดเผยว่า ผลกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปรับตัวสูงขึ้น 36% จากอานิสงส์ของราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ซึ่งสามารถชดเชยกำลังการผลิตที่ร่วงลง 5% จากการปิดบ่อน้ำมันในประเทศลิเบียและทะเลเหนือ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของโททาล บริษัทน้ำมันสัญชาติฝรั่งเศสว่า ผลกำไรสุทธิพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.07 พันล้านยูโร (5.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือ 1.81 ยูโรต่อหุ้น จากระดับ 3.0 พันล้านยูโร หรือ 1.32 ยูโรต่อหุ้นในปีก่อน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.85 พันล้านยูโร ขณะที่รายได้สุทธิปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.05 พันล้านยูโรจากระดับ 3.12 พันล้านยูโร หรือ 1.37 ยูโรต่อหุ้นในปีก่อนหน้านี้
"บริษัทยังคงยืนยันมุมมองที่ว่า ราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นในระยะกลางไปจนถึงระยะยาว จากปัจจัยหนุนของกลไกด้านอุปสงค์และอุปทานที่ตึงตัว ซึ่งทางบริษัทจะเดินหน้าพัฒนาและรักษาระดับการขยายตัวของเงินปันผล แม้ว่าบรรยากาศการดำเนินธุรกิจที่เลวร้ายจะกินเวลายืดเยื้อยาวนาน"
คริสตอฟ เดอ มาร์เจอรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของโททาลได้ให้คำมั่นที่จะยึดมั่นในแผนการลงทุนท่ามกลางความต้องการที่ปรับตัวลดลง โดยโททาลกล่าวว่า การขยายตัวด้านการผลิตในอีก 10 ปีข้างหน้าจะได้รับอานิสงส์จากโครงการน้ำมันใต้ทะเลลึกในแอฟริกา ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่า จะสามารถผลผลิตน้ำมันจากทุกแห่งได้ราว 3 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2559
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าในตลาดนิวยอร์กโดยเฉลี่ยนั้นเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 118 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาสดังกล่าว ซึ่งเพิ่มขึ้น 57% จากปีก่อนหน้านี้ หลังจากที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนก.ค. และขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 80 ดอลลาร์/บาร์เรลเนื่องจากความต้องการเชื้อเพลิงปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปีท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าวโททาลมีผลผลิตน้ำมันและก๊าซที่ 2.231 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับจำนวน 2.352 ล้านบาร์เรล/วันในปีก่อนหน้านี้ และจากระดับ 2.353 ล้านบาร์เรล/วันในไตรมาส 2 ขณะที่บริษัทคู่แข่งอย่างเชลล์รายงานผลกำไรที่เพิ่มขึ้น 22% ส่วนบีพีมีตัวเลขกำไรทะยานขึ้น 83%