หยิน เหว่ยหมิน รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และความมั่นคงทางสังคมของจีนได้ออกมายอมรับว่า สถานการณ์การจ้างงานในประเทศอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เนื่องจากการจ้างงานในประเทศได้รับผลกระทบจากวิกฤตสินเชื่อที่เกิดขึ้นทั่วโลกจนอาจจะทำให้การจ้างงานย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายทั่วโลกส่งผลกระทบต่อการจ้างงานของจีนนับตั้งแต่เดือนต.ค.ที่ผ่านมา โดยบริษัทต่างๆโดยเฉพาะบริษัดขนาดเล็กและขนาดกลางที่ใช้แรงงานจำนวนมากนั้นต้องปลดคนงาน หลังจากที่ต้องปิดโรงงานหรือระงับการดำเนินการบางส่วนลง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ฯคาดว่า การจ้างงานของจีนในไตรมาส 1 ปี 2552 จะมีปัญหามากกว่าเดิม แค่คาดว่าจะดีขึ้นในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มาตรการกระตุ้นความต้องการภายในประเทศของรัฐบาลเริ่มมีผลบังคับใช้ โดยเหตุการณ์ประท้วงของแรงงานที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ถือเป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วงที่สุดสำหรับกระทรวง แต่ก็ให้คำมั่นว่า กระทรวงจะให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทต่างๆให้สามารถเอาตัวรอดได้ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ โดยจะรับประกันเรื่องการจ่ายค่าแรงหรือสวัสดิการตามหลังหากว่ามีการยกเลิกการจ้างงาน และจะขอให้บริษัทต่างๆปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานเมื่อมีการเลิกจ้างพนักงาน
อย่างไรก็ดี สถานการณ์โดยรวมในปีนี้ยังมีเสถียรภาพ เมื่อพิจารณาจากตัวเลขจ้างงานในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ โดยอัตราว่างงานเดือนม.ค. - ต.ค.ในเมืองอยู่ที่ 4% ซึ่งเป็นสถิติที่ต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลตลอดทั้งปีที่ 4.5%
ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา จำนวนพนักงานใหม่ของจีนอยู่ที่ 10.2 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายต่อปีที่ 10 ล้านคน