เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือนเมื่อเทียบกับเงินยูโรในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียววันนี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า ทางการสหรัฐจะรายงานตัวเลขค้าปลีกและดัชนีภาคการผลิตที่ซบเซาในยามที่วิกฤตเศรษฐกิจถดถอยขยายวงกว้างลุกลามไปทุกภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจในสหรัฐ
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังร่วงลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ หลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลาง (เฟด) กล่าวว่า นโยบายทางการเงินเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างถาวร พร้อมกันนี้เขายังส่งสัญญาณว่ารัฐบาลอาจต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์พุ่งขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์จากกระแสคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นในเอเชียที่ดีดตัวดีขึ้นจะส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 12.11 น. ตามเวลาโตเกียว เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3272 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.3182 ยูโร/ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กคืนวานนี้ ขณะที่เมื่อเทียบกับเงินเยนนั้นซื้อขายที่ 89.48 เยน/ดอลลาร์จาก 89.38 เยน/ดอลลาร์ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงสู่ 1.35 ยูโร/ดอลลาร์ในสัปดาห์นี้
ด้านเงินยูโรเทรดกันที่ระดับ 118.79 เยน/ยูโรจาก 117.81 เยน/ยูโร ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.4596 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4501 ดอลลาร์/ปอนด์
ซาบูโร่ มัตซึโมโตะ นักวิเคราะห์จากซูมิโตโม ทรัสต์ แอนด์ แบงกิ้ง โคกล่าวว่า "เทรดเดอร์บางกลุ่มล้มเลิกความคิดที่ว่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ก่อนที่สหรัฐจะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่เลวร้ายในสัปดาห์นี้"
ทั้งนี้ เบอร์นันเก้ได้กล่าวแสดงความเห็นในระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ที่ London School of Economics ว่า สหรัฐอาจจำเป็นต้องได้รับเงินอัดฉีดมากขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจต่อเสถียรภาพและช่วยให้ตลาดสินเชื่อกลับคืนสู่ภาวะปกติ
ด้านนักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่ายอดค้าปลีกของสหรัฐในเดือนธ.ค.จะลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะรายงานตัวเลขดังกล่าวในเวลา 8.30 น. ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น (คืนนี้ตามเวลาในประเทศไทย) และคาดการณ์ว่าเฟดจะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในเขตนิวยอร์กและฟิลาเดเฟียในเดือนธ.ค.ที่ลดลงด้วยเช่นกัน