อัตราการเงินลงทุนในธุรกิจร่วมทุนดิ่งลง 33% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2551จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ฉุดรั้งให้เม็ดเงินลงทุนในกลุ่มบริษัทคอมพิวเตอร์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี รวมถึงการชะลอการลงทุนในกลุ่มบริษัทพลังงานทางเลือก
สมาคมผู้ร่วมลงทุนนานาชาติ (National Venture Capital Association) และไพรซ์สอเตอร์เฮาส์คูเปอร์เปิดเผยว่า ยอดการลงทุนโดยรวมในบริษัทใหม่ๆ ลดลงสู่ระดับ 5.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2548 ขณะที่การลงทุนตลอดทั้งปีทรุดตัวลง 8% ซึ่งทำสถิติลดลงครั้งแรกแรกนับตั้งแต่ปี 2546
โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ได้พากันถอนเงินลงทุนจากบริษัทคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีชีวภาพ และบริษัทด้านพลังงาน โดยเฉพาะในบริษัทใหม่ๆที่ส่อเค้าว่าจะถูกบริษัทรายใหญ่กว่าเข้าซื้อกิจการ ซึ่งในช่วงไตรมาส 4 บริษัทเหล่านี้มีเงินลงทุนน้อยลง 39% จากปีก่อน ขณะเดียวกันการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมาก็เป็นอีกแรงกระตุ้นให้นักลงทุนถอนเงินลงทุนด้วยเช่นกัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การลงทุนในธุรกิจซอฟท์แวร์ในไตรมาสดังกล่าวลดลงเหลือเพียง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่ยอดเงินลงทุนในบริษัทที่กำลังอยู่ในระหว่างก่อร่างสร้างตัวดิ่งลง 37% นอกจากนี้ ภาคอุตสาหกรรมอื่นที่เผชิญปัญหาการออกเงินกู้ได้แก่ ภาคธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ซึ่งมีเงินลงทุนในด้านเทคโนโลยีสะอาดที่ร่วงลง 14% ไปอยู่ที่ 909 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จอห์น เทย์เลอร์ รองประธานของสมาคมผู้ร่วมลงทุนนานาชาติยอมรับว่า ไตรมาสสี่เป็นช่วงเวลาที่ซบเซา ขณะที่เทรซีย์ เลฟเทอรอฟฟ์ จากไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์เชื่อว่า บรรยากาศการลงทุนในธุรกิจร่วมทุนจะยังไม่กระเตื้องขึ้นในปีนี้ แต่อีก 2 ปีให้หลังลูกค้าหลายรายจะเริ่มเห็นว่ามูลค่าของการลงทุนในธุรกิจร่วมทุนนั้นมีความน่าดึงดูดใจมากที่สุด