โคโนโคฟิลลิปส์ บริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐเผยตัวเลขขาดทุน 3.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 4 ของปี 2551 หลังบริษัทมีค่าใช้จ่ายที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างหนัก
โดยบริษัทมียอดขาดทุนที่คิดเป็นสัดส่วน 21.37 ดอลลาร์/หุ้น เมื่อเทียบกับที่เคยทำกำไรได้ 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.71 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่รายได้ปรับตัวลดลง 18% แตะที่ 4.45 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 5.27 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีก่อน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า บริษัทจะมีรายได้ 1.22 ดอลลาร์/หุ้น หรือ 3.63 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ โคโนโคฟิลลิปส์เป็นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่รายแรกที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ซึ่งผลประกอบการดังกล่าวนับเป็นตัวเลขที่เลวร้ายที่สุดในปี 2551
จิม มูลวา ซีอีโอของโคโนโคฟิลลิปส์ระบุในแถลงการณ์ว่า "ผลการดำเนินงานของเราในช่วงเวลาดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ซบเซาและสถานการณ์ในภาคธุรกิจที่ส่งผลกระทบไปทั่วทุกภาคอุตสาหกรรม แต่ต้นทุนการดำเนินธุรกิจมิได้ลดลงตามไปด้วย ซึ่งนั่นเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัท"
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของสหรัฐพยายามที่จะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกด้วยการปรับลดการใช้จ่ายและปลดพนักงาน ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนโคโนโคฟิลลิปส์ได้ลดพนักงานราว 1,300 ตำแหน่ง พร้อมทั้งลดการใช้จ่ายเงินทุนลง 18% และปรับลดมูลค่าสินทรัพย์เป็นเงินทั้งสิ้น 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในอุตสาหกรรมน้ำมันขณะนี้ยังไม่รุนแรงเหมือนกับภาคธุรกิจอื่นๆในสหรัฐ