นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2551 จะหดตัวลง 5.5% ต่อปี ซึ่งจะเป็นสถิติที่หดตัวครั้งรุนแรงสุดในรอบ 27 ปี สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มถดถอยลงจนถึงช่วงต้นปี 2552 เนื่องจากตัวเลขว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย
โรเจอร์ คูบายาช หัวหน้านักวิเคราะห์จากยูนิเครดิต โกลบอล รีเสิร์ช กล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มถดถอยลงอีกในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ เนื่องจากกลุ่มบริษัทค้าปลีกและกลุ่มผู้ผลิตตั้งแต่สตาร์บัคส์ไปจนถึงโบอิ้งประกาศลดการจ้างงานและลดการผลิต ข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบันจะบีบให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เร่งกดดันสภาคองเกรสให้อนุมัติแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจฉบับใหม่"
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐมีกำหนดจะเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ในคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งจีดีพีสหรัฐเป็นข้อมูลที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุด
คณะกรรมการกำหนดโนยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) มีมติ 8 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed Funds Rate) ไว้เท่าเดิมในช่วง 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2497 และคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (Discount Rate)ที่ระดับ 0.50% โดยเฟดยืนยันว่าจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐ และย้ำว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง