อัตราว่างงานของสหรัฐประจำเดือนม.ค.มีแนวโน้มพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี ขณะที่ตัวเลขจ้างงานส่อเค้าร่วงลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า อัตราว่างงานในเดือนม.ค.จะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 7.5% ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานจะลดลง 540,000 ตำแหน่งต่อจากระดับที่ดิ่งลง 524,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และ 584,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. โดยในปีที่ผ่านมา สหรัฐมีผู้ตกงานแล้วกว่า 2.6 ล้านคน
ตัวเลขจ้างงานที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องเช่นนี้เป็นผลจากการที่บริษัทหลายแห่งปรับลดพนักงานเป็นจำนวนมาก รวมถึง บริษัทแคเทอร์พิลลาร์ อิงค์ ผู้ผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในโลกที่มีแผนปลดพนักงานอีก 2,110 คน เพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ที่ได้ประกาศลอยแพพนักงาน 20,000 คน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้สั่นคลอนความเชื่อมั่นผู้บริโภคและฉุดรั้งตัวเลขการใช้จ่าย
ขณะเดียวกันประธานาธิบดีบารัค โอบามา อาจหยิบยกเอาข้อมูลการจ้างงานขึ้นมากดดันให้วุฒิสภาลงมติเห็นชอบในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในเดือนนี้
"บริษัทหลายแห่งจะปรับลดพนักงานลงอีกในช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากนายจ้างจำเป็นต้องหาทางช่วยให้บริษัทอยู่รอด" คริสโตเฟอร์ โลว์ นักวิเคราะห์จากเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล ในนิวยอร์กกล่าวพร้อมทั้งแสดงความเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า วุฒิสภาจำเป็นต้องผ่านแผนการฉบับนี้เพื่อให้เศรษฐกิจรอดพ้นจากหายนะ เนื่องจากในแต่ละเดือนประชาชนเผชิญสถานการณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆจากการถูกเลิกจ้างงาน"ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานในเวลา 08.30 น.ตามเวลากรุงวอชิงตัน