RealtyTrac Inc. เปิดเผยว่ายอดการยื่นเรื่องยึดบ้านหลุดจำนองของสหรัฐในเดือนม.ค.พุ่งทะลุเพดาน 250,000 หลังไปอยู่ที่ระดับ 274,399 หลัง แต่เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.2551 พบว่า ยอดการยึดบ้านลดลง 10% จากอานิสงส์ของการให้ความช่วยเหลือจากรัฐบาลและผู้ออกเงินกู้
"สถานการณ์ในการตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในภาวะที่ยากจะเยียวยา เนื่องจากเจ้าของบ้านหลายคนยังเผชิญแรงกดดันจากมรสุมทางเศรษฐกิจ" บรูซ นอร์ริส ประธานของบริษัทนอร์ริส กรุ๊ปกล่าว "วิกฤตการณ์ต่างๆจะยังคงเลวร้ายไปจนกว่าตัวเลขหนี้สินในการผ่อนชำระบ้านจะลดลง หรือราคาบ้านจะปรับตัวสูงขึ้น"
ทั้งนี้ ตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐสูญเงินไปประมาณ 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลง 3.8% ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งทำสถิติดิ่งหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2525 ส่วนตัวเลขจ้างงานทรุดตัวลง 598,000 รายในเดือนพ.ย.ส่งผลให้อัตราว่างงานพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2535
อย่างไรก็ตาม โรเบิร์ต แวน ออร์เดอร์ นักวิเคราะห์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกนกล่าวว่า "โครงการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลอาจสามารถช่วยเหลือผู้ต้องการมีที่อยู่อาศัยได้ แต่ปัญหาสำคัญคือประชาชนเหล่านี้ไม่ได้อยากมีบ้านที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางแรงกดดัน"
ทั้งนี้ ริก ชาร์กา รองประธานฝ่ายบริหารด้านการตลาดของ RealtyTrac เปิดเผยว่า ยอดการยื่นเรื่องยึดบ้านในเดือนม.ค.เป็นตัวเลขที่อยู่ในระดับสูงสุดลำดับที่ 4 นับตั้งแต่บริษัทเริ่มสำรวจข้อมูลในเดือนม.ค.2548