คริสทีน ลาการ์ด รัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศส ยืนยันการควบรวมกิจการกันระหว่าง กรุ๊ป บองก์ โปปูแลร์ (Groupe Banque Populaire) และ กรุ๊ป แกสส์ เดปาญ (Group Caisse d’Epargne) สองธนาคารชั้นนำของประเทศ พร้อมเผยว่ารัฐบาลพร้อมอัดฉีดเงินสูงสุด 5 พันล้านยูโรให้กับกลุ่มธนาคารที่จะเกิดขึ้นใหม่นี้
เมื่อเดือนต.ค.ปีก่อน บองก์ โปปูแลร์ และแกสส์ เดปาญ ซึ่งเป็นธนาคารที่ไม่ได้จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นและมีตัวแทนรัฐบาลนั่งเป็นสมาชิกบอร์ด ได้ประกาศว่ากำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาควบกิจการ เพื่อที่จะฝ่าฟันพายุวิกฤตการเงินที่กำลังแผ่ขยายลุกลามทั่วโลกไปให้ได้ ซึ่งการควบรวมกิจการของสองธนาคารจะทำให้เกิดเป็นกลุ่มการเงินรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส ด้วยมูลค่าเงินฝากรวม 4.8 แสนล้านยูโร (6.59 แสนล้านดอลลาร์) และจำนวนลูกค้ามากกว่า 6 พันราย
ลาการ์ดกล่าวว่า การควบรวมกิจการของสองธนาคารเป็นเรื่องที่ชาญฉลาด พร้อมชี้ว่าควรจะมีการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อดูแลการควบรวมกิจการในครั้งนี้ โดยรัฐบาลฝรั่งเศสพร้อมที่จะอัดฉีดเงินกู้เพิ่มเติมระหว่าง 2.5 พันล้าน - 5 พันล้านยูโร (3.15 - 6.3 พันล้านดอลลาร์)
ทั้งนี้ การควบรวมกิจการบองก์ โปปูแลร์ และแกสส์ เดปาญ ได้รับการพิจารณามานานก่อนที่จะมีการเร่งรัดให้รวดเร็วขึ้นเมื่อเกิดวิกฤตการเงินในสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว และลุกลามไปยังภูมิภาคต่างๆ ซึ่งรวมถึงฝรั่งเศส โดยนาติซีส์ (Natixis) วาณิชธนกิจของฝรั่งเศส ซึ่งธนาคารทั้งสองแห่งเป็นเจ้าของหุ้นรวม 70% ประสบกับภาวะขาดทุนสุทธิถึง 900 ล้านยูโร (1.2 พันล้านดอลลาร์) ในระหว่างเดือนม.ค.-มิ.ย.2551 อันเป็นผลพวงมาจากวิกฤตซับไพรม์สหรัฐ ซึ่งเชื่อกันว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ บองก์ โปปูแลร์ และ แกสส์ เดปาญ หันหน้ามาเจรจาควบกิจการกันนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการร่วงลงรุนแรงของราคาหุ้นของนาติซีส์ โดยมูลค่าตลาดของนาติซีส์ดิ่งลงไปถึง 80% นับตั้งแต่ต้นปีนี้