รมว.คลังไม่เห็นด้วยบทวิเคราะห์มูดี้ ยืนยันศก.ไทยดีกว่าหลายชาติในเอเชีย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 25, 2009 18:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง โต้บทวิเคราะห์ของมูดี้ส์ที่ระบุว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะแย่สุดในเอเชียว่า ประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาเศรษฐกิจหนักกว่าประเทศอื่น ถึงแม้ว่าเราจะพึ่งพาการส่งออกค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่มากเท่ากับหลายประเทศ ซึ่งประเทศเหล่านั้นเมื่อการส่งออกได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกก็ย่อมเกิดปัญหามากกว่าไทยอยู่แล้ว โดยเฉพาะไต้หวันที่พึ่งพาการส่งออก 100% ของจีดีพี

ขณะที่จุดแข็งของเศรษฐกิจไทยคือการมีเสถียรภาพด้านการเงินการคลังที่เข้มแข็งมาก และสถาบันการเงินแข็งแกร่ง มีเงินกองทุนในระดับสูงมาก หนี้ต่างประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนอยู่ในระดับต่ำมาก ความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและการเคลื่อนไหวของเงินทุนต่ำกว่าประเทศอื่น

จากข้อมูลที่สถาบันมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประเมินเศรษฐกิจในเอเชีย พบว่า มูดี้ส์คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจจะติดลบ 2.3% ขณะที่หลายประเทศในเอเชีย อย่างไต้หวันก็ติดลบถึง 5.23% ญี่ปุ่นติดลบ 4.8% และสิงคโปร์ติดลบ 4.37%

นายกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยก็ต้องยอมรับความจริงว่า เศรษฐกิจของเรายังคงต้องหดตัวต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยคาดว่าจะหดตัวมากกว่าไตรมาส 4/51 ที่มีปัญหาการปิดสนามบินและการส่งออกเริ่มหดตัวรุนแรง และในไตรมาส 2 ของปีนี้ก็คงจะยังไม่ค่อยดี แต่ก็จะเริ่มเห็นผลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบ้างแล้ว

อย่างไรก็ตาม การหดตัวของการส่งออกเริ่มชะลอลงในเดือน ม.ค.52 เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน แม้ว่าเมื่อเทียบปีต่อปีแล้วอาจจะเห็นการหดตัวค่อนข้างมาก เพราะฐานในช่วงต้นปีก่อนอยู่ในระดับสูง นอกจากนั้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศยังมีอยู่ โดยไตรมาส 4/51 เห็นการส่งออกที่หดตัวทำให้เศรษฐกิจติดลบ แต่การบริโภครัฐและเอกชนยืนได้ ทำให้ต่างชาติได้เห็นว่าเศรษฐกิจในประเทศยังอึด

ดังนั้น เมื่อรัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้นทั้งการบริโภคและการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และกำลังจะมีการฉีดงบประมาณต่อเนื่องในปีงบ 53 ที่จะมีวงเงินไม่แตกต่างจากปีนี้ ซึ่งเป็นอาวุธหนึ่งที่เตรียมไว้ ยังไม่นับการกู้ยิมเงินจากต่างประเทศ และการค้ำประกันการรับจำนำพืชผล ก็จะช่วยลดผลกระทบกจากความต้องการสินค้าของต่างประเทศที่หายไปได้ แต่รัฐบาลก็ยอมรับว่าคงไม่มีกำลังพออุดได้ทั้งหมด แค่ลดผลกระทบต่อประชาชน

"วิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้เริ่มชัดเจนกว่าเป็นวิกฤติระดับประวัติศาสตร์ ไม่มีประเทศไหนไม่ได้รับผลกระทบ ต้องมาดูว่ากระสุนที่เรามีใช้แก้ไขปัญหาให้กับใคร หน้าที่รัฐบาลคือดูแลผู้ที่ดูแลตัวเองได้น้อยที่สุดก่อน...แนววิธีการต่างๆ รัฐบาลมีอยู่แล้ว และประเมินกำลังทางการคลังอยู่ในวิสัยที่จะทำได้" นายกรณ์ กล่าวทางรายการโทรทัศน์เย็นนี้

สำหรับกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% นั้น นายกรณ์ กล่าวว่า อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง เพราะอย่าลืมว่า กนง.มีโอกาสที่จะประชุมอีกหลายครั้ง หากปรับลดเร็วเกินไปก็จะไม่เหลือเครื่องมือ ก็ต้องให้เวลากับเขาด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ