ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนก.พ.ส่อเค้าหดตัวลงหนักกว่าเดือนม.ค. เนื่องจากโรงงานหลายแห่งปรับลดกำลังการผลิตตามสถานการณ์ของยอดขายที่ปรับตัวลดลง
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ดัชนีภาคการผลิตของสำนักงานจัดการอุปทานจะปรับตัวลงสู่ระดับ 34 จุดในเดือนก.พ.จากระดับ 35.6 จุดในเดือนม.ค. ซึ่งตัวเลขที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 50 จุดบ่งชี้ถึงภาวะตกต่ำ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ขณะที่การใช้จ่ายผู้บริโภคในเดือนม.ค.จะกระเตื้องขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนที่ระดับ 0.4%
โรงงานหลายแห่งต่างปรับลดตัวเลขการจ้างงาน รวมถึงลดกำลังการผลิตและการลงทุนเนื่องจากวิกฤตตลาดสินเชื่อและตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้บีบคั้นความต้องการสินค้าภายในประเทศ ขณะที่เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมาประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อหวังจะพยุงให้ประเทศรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย
"การค้าทั่วโลกที่ซบเซาและตัวเลขการใช้จ่ายภายในประเทศที่ลดลงต่างบั่นทอนความเชื่อมั่นผู้ผลิตและกดดันให้บริษัทหลายแห่งปรับลดค่าใช้จ่าย" ลีนา โคมิลีวา นักวิเคราะห์จาก Tullett Prebon Ltd. ในลอนดอนกล่าว "สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายและตลาดเงินที่ผันผวนสร้างแรงกดดันต่อผลกำไรและส่งผลให้บริษัทหลายแห่งปรับลดต้นทุน"ขณะเดียวกัน ผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เริ่มปะทุขึ้นตั้งแต่เดือนธ.ค.2550 จะยังดำเนินต่อไปอีกอย่างน้อยถึงช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งทำสถิติยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2476 โดยเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ของปี 2551 หดตัวที่ระดับ 6.2% ซึ่งเป็นระดับที่ร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2525 และยอดการลงทุนในภาคธุรกิจตกต่ำลงอยู่ที่ระดับ 21 จุด
ทั้งนี้ สถาบันจัดการอุปทานจะรายงานดัชนีภาคการผลิตในเวลา 10:00 น. ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะรายงานตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในเวลา 08:30 น.ตามเวลานิวยอร์ก (คืนนี้ตามเวลาในประเทศไทย)