ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลอาจต้องทุ่มเงินช่วยเหลือมากกว่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในการให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจธนาคารในประเทศ พร้อมทั้งยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการควบคุมมิให้บริษัทหรือบุคคลทั่วไปหลบเลี่ยงการจ่ายภาษี
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างถ้อยแถลงของนายไกธ์เนอร์ที่มีขึ้นก่อนจะมีการร่างพระราชบัญญัติการจัดเก็บภาษีว่า "รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้นในการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดเงิน แม้ว่าขณะนี้เม็ดเงินในมาตรการอุ้มภาคธนาคารจะอยู่ในระดับที่สูงแล้วก็ตาม"
ขณะเดียวกัน ขุนคลังสหรัฐได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่นิติบัญญัติปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ พร้อมทั้งย้ำว่าจะควบคุมตัวเลขขาดดุลให้เหลือ 5.33 แสนล้านดอลลาร์หรือ 3% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2556
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้ยื่นร่างงบประมาณประจำปี 2553 ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ระดับ 3.55 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อสภาคองเกรส ซึ่งร่างงบประมาณดังกล่าวระบุถึงการเพิ่มตัวเลขการใช้จ่ายขึ้นอีก 32% ในปีนี้ โดยจะเจียดเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์ไปใช้ในการช่วยเหลือภาคธุรกิจการเงิน ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลบัญชี 1.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากประเด็นการทุ่มเงินช่วยเหลือสถาบันการเงินในประเทศแล้ว ไกธ์เนอร์กล่าวด้วยว่า ทางกระทรวงฯจะเปิดเผยมาตรการเอาผิดกับบริษัทหรือบุคคลทั่วไปที่คิดหลบเลี่ยงภาษีด้วยวิธีการซุกหุ้นหรืออำพรางสินทรัพย์ในต่างประเทศ