In Focusจีนกับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจแดนมังกร… ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก

ข่าวต่างประเทศ Thursday March 5, 2009 13:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

แรงงานชาวจีนที่ตกงานกว่า 20 ล้านคนเพราะโรงงานหลายพันแห่งปิดตัวลงจากพิษเศรษฐกิจตกสะเก็ด ความวิตกกังวลเรื่องความวุ่นวายในสังคมที่มีประชากรสูงถึง 1.3 พันล้านคน เป้าหมายที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจจีนปีนี้ขยายตัวให้ได้ 8% เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้จีนจำเป็นต้องงัดวิทยายุทธที่มีอยู่ทุกกระบวนท่าขึ้นมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก

และแน่นอน เจ้าสำนักอย่างนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีนเอง ต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ด้วยการประกาศนโยบายในช่วงที่การประชุมสมัชชาประชาชนแห่งชาติจีนหรือ NPC เปิดฉากขึ้นเป็นวันแรกในกรุงปักกิ่งวันนี้

เหวิน เจียเป่า ยอมรับว่า วิกฤตการเงินโลกยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่องและเลวร้ายลง จีนจำเป็นต้องใช้นโยบายที่ถูกต้องและมาตรการที่เหมาะสม และใช้มาตรการเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการขยายตัวที่ 8% ในปีนี้ จีนมั่นใจว่า จะสามารถเอาชนะความท้าทายและความยากลำบากต่างๆนานาที่รออยู่เบื้องหน้าได้ และจะร่วมมือกับนานาประเทศเพื่อควบคุมวิกฤตการเงินครั้งนี้

การประชุมสมัชชาฯจีนครั้งนี้ถูกจับตามองจากทั่วโลกแบบแทบจะไม่กระพริบตาตั้งแต่วันแรกเลยทีเดียว ดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตของจีนดีดขึ้นไปแล้ว 1.66% เช้านี้ ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงก็เปิดตลาดบวกขึ้นขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน

ทางด้านสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ก็ออกมาประกาศคงอันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศและสกุลเงินหยวนระยะยาวของสาธารณรัฐประชาชนจีนไว้เท่าเดิมที่ A+ และ AA- ตามลำดับ โดยให้แนวโน้มมีเสถียรภาพ หลังจากจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เจมส์ แม็คคอร์แมก ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการเอเชียของฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า "เราคงอันดับเครดิตของจีนเอาไว้เพราะเชื่อมั่นในดุลการชำระเงินต่างประเทศที่แข็งแกร่งของจีน นอกจากนี้ เงินคงคลังของจีนมีมากพอที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ และเชื่อว่าจีนจะสามารถรับมือกับภาวะ hard landing ได้เช่นกัน"

นายกฯจีนกล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาฯว่า จีนซึ่งมีประชากร 1.3 พันล้านคนนั้น ยังคงกำหนดเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ที่ 8% ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะอัตราการขยายตัวที่ระดับดังกล่าวจะช่วยเพิ่มปริมาณการจ้างงานทั้งในเมืองและชนบท ตลอดจนเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน และรับประกันเรื่องเสถียรภาพทางสังคม

จีนเล็งเห็นถึงความสำคัญในการเพิ่มการจ้างงาน เนื่องจากแรงงานจำนวนมากต้องเดินคอตกกลับภูมิลำเนาในมณฑลต่างๆตั้งแต่เมื่อต้นปีแล้ว และยังมีนักศึกษาจบใหม่อีกเป็นจำนวนมากที่ต้องหางานทำ หากรัฐบาลไม่สามารถป้อนงานให้กับแรงงานเหล่านี้ได้แล้ว ความวุ่นวายในสังคมที่เคยเกิดขึ้นประปรายมาก่อนหน้านี้ก็อาจะจะลุกลามและรุนแรงมากกว่านี้ ประกอบกับสถานการณ์ที่สร้างความอ่อนไหวทางการเมืองก็เวียนมาถึงอีกคำรบหนึ่ง และอาจจะกลายเป็นชนวนที่จุดปะทุเหตุการณ์รุนแรงขึ้นมาได้ง่ายๆหากยังมีปัญหาว่างงานค้างคาอยู่ เนื่องจากในเดือนมี.ค.นี้เป็นช่วงครบรอบ 50 ปีของการเรียกร้องเอกราชของทิเบต และในเดือนมิ.ย.ที่จะถึงนี้ก็เป็นช่วงครบรอบ 20 ปีของเหตุการณ์กวาดล้างที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน สถานการณ์อย่างนี้คงจะไม่ผิดนักหากจะบอกว่า “งานเข้า"

นายกรัฐมนตรีจีนคงจะเห็นสัญญาณของงานเข้ามาตั้งนานแล้ว ดังนั้นในการประชุมสมัชชาฯวันนี้ จึงไม่แปลกนักที่เหวิน เจียเป่า จะออกมาให้คำมั่นสัญญาว่า รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณมูลค่า 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นการจ้างงาน ในการเพิ่มอัตราจ้างงานนั้น รัฐบาลจะเข้าไปมีบทบาทอย่างเต็มรูปแบบในภาคบริการ และอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานเป็นหลัก รวมถึงวิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง เราจะใช้สิทธิอำนาจทุกอย่างที่เรามีอยู่เพื่อกระตุ้นการจ้างงาน โดยในเบื้องต้นจะเน้นไปที่การจัดหางานสำหรับนักศึกษาที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยและแรงงานอพยพจากชนบท เพราะคนทั้งสองกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบอย่างนักจากวิกฤตการณ์การเงินโลก รัฐบาลจะเสนอผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแก่สังคมให้กับประชาชนและให้ความช่วยเหลือแก่ข้าราชการและพนักงานในภาคบริการ นอกจากนี้ นักศึกษาที่ทำงานในถิ่นฐานบ้านเกิดของตนเอง หรือ สมัครเข้ารับราชการในกองทัพ จะได้รับสิทธิ์ให้เข้าเรียนต่อหรือได้รับเงินกู้เพื่อเรียนต่อ

นอกจากนี้ นายเหวินกล่าวว่ารัฐบาลจีนจะสนับสนุนนักศึกษาจบใหม่ให้มีธุรกิจเป็นของตนเองด้วยการริเริ่มจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมและฐานธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนน้อยแต่ให้ผลตอบแทนรวดเร็ว

นักวิเคราะห์ชี้เศรษฐกิจฟื้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของมาตรการ เพิ่มการจ้างงาน การควบคุมการใช้จ่าย

ดรูว์ ทอมป์สัน นักวิเคราะห์ที่เชี่ยวชาญเรื่องจีนจากนิกสัน เซ็นเตอร์ ในกรุงวอชิงตัน มองว่า การเอาตัวรอดจากวิกฤตการเงินโลกของจีนจะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเพิ่มตัวเลขการจ้างงาน เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่า ตัวเลขว่างงานของจีนจะสูงขึ้นกว่า 20 ล้านคน

ศาสตราจารย์ไมเคิล เพททิส จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง มองว่า จีนยังมีงานการต้องทำอีกมากในการฟื้นเศรษฐกิจ พร้อมกับแนะนำให้จีนปรับเปลี่ยนรูปแบบเศรษฐกิจที่เน้นการส่งออกมาเป็นเศรษฐกิจที่เน้นตลาดภายในประเทศ

นอกจากจีนจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบเศรษฐกิจแล้ว ผู้นำหน่วยงานในระดับท้องถิ่นจำเป็นต้องดูแลเรื่องผลประโยชน์และการใช้เงินจากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างเข้มงวด หากมีการจับตาและควบคุมอย่างเหมาะสมแล้ว งบประมาณที่นำมาใช้ก็จะไม่สูญเปล่า การสร้างงานก็จะเกิดขึ้น และจีนก็จะสามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตการเงินได้ แต่หากเกิดการทุจริตและใช้เงินอย่างสูญเปล่าขึ้นมาเมื่อใด รัฐบาลก็เตรียมรับมือความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นได้เลย

รัฐบาลย้ำจัดสรรงบลงทุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1.46 แสนล้านหยวน งบความมั่นคงทางสังคมอีก 2.93 แสนล้านหยวน

งบประมาณด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็เป็นอีกเรื่องที่รัฐบาลจีนวางแผนจะทุ่มเงินถึง 1.46 แสนล้านหยวน หรือ 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงขึ้น 25% จากงบปีที่แล้ว ส่วนงบประมาณด้านความมั่นคงทางสังคมจะอยู่ที่ 2.93 แสนล้านหยวน หรือ 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงขึ้น 17.6% และอีก 1.30 แสนล้านหยวน หรือ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเร่งการดำเนินการฟื้นฟูในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในมณฑลเสฉวนเมื่อเดือนส.ค.ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ จีนยังให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาความสัมพันธ์กับไต้หวัน เหวิน เจียเป่า กล่าวว่า จีนพร้อมที่จะจัดการเจรจาเรื่องการเมืองและกองทัพในคาบสมุทร และกำหนดเงื่อนไขที่จะยุติท่าทีในการเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน รวมทั้งหาทางทำข้อตกลงเพื่อสันติภาพร่วมกัน เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว จีนบอกว่าจะจัดสรรงบ 1.30 แสนล้านหยวน หรือ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนด้านการเงินให้กับบริษัทของไต้หวันที่ทำธุรกิจในไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่ และเมื่อเร็วๆนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายก็เปิดเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ บริการขนส่งสินค้าทางเรือ และไปรษณีย์ระหว่างกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ค.ศ.1949

ที่ผ่านมา การประชุมสมัชชาประชาชนฯถูกมองว่า เป็นแค่การประชุมไม้ประดับที่จะมีผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานในระดับท้องถิ่นและตัวแทนจากชนกลุ่มน้อยทั่วประเทศที่จะเข้ามานั่งรับรองแผนการและนโยบายที่ได้ในการกำหนดไว้แล้วโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนเท่านั้น แต่ปีนี้สื่อเชื่อว่า การประชุมสมัชชาฯของจีนจะไม่เหมือนเดิม ด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่บีบคั้น ผู้เข้าร่วมประชุมคงไม่ปล่อยให้เวทีถูกครอบงำโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น แต่คงจะมีการหารือและถกเถียงกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ

นอกจากนี้ การประชุมคราวนี้ยังเรียกได้ว่า เข้มข้นและประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่กำลังตกสะเก็ดอย่างแท้จริง ตั้งแต่การลดระยะเวลาการประชุมลงมาเหลือ 9 วัน ซึ่งถือเป็นวันประชุมที่สั้นที่สุดเท่าที่เคยจัดมาในช่วงไม่กี่ปีมานี้ นอกจากนี้ ผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมยังถูกสั่งห้ามไม่ให้พักโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวในระหว่างที่เดินทางมาประชุมที่ปักกิ่ง ขณะที่งบค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารก็ถูกจำกัดไว้ที่ 100 หยวนต่อคนเท่านั้น

จีนลงทุนทำถึงขนาดนี้แล้ว ศึกครั้งนี้ที่ว่าใหญ่หลวง ก็คงไม่ยากเกินความสามารถของจีนที่จะแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ