ผลสำรวจของ แมนเพาเวอร์ บริษัทจัดหางานรายใหญ่ของโลก บ่งชี้ว่า จำนวนบริษัทสหรัฐที่วางแผนจะจ้างงานเพิ่มในไตรมาส 2 ปีนี้ ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานในสหรัฐมีแนวโน้มอ่อนแอตลอดช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยดัชนีแผนการจ้างงานในไตรมาส 2 ร่วงลงแตะระดับ -1 จุด จากไตรมาสแรกที่ระดับ 10 จุด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ดัชนีร่วงลงจนถึงขั้นติดลบ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะ 8.1% ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 25 ปี ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรร่วงลง 651,000 ตำแหน่ง ขณะที่ ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลง 697,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากปรับลดลง 614,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.
"ตัวเลขว่างงานที่พุ่งขึ้นส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวกำลังส่งผลคุกคามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วน 70% ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ขณะที่ภาคเอกชนสหรัฐถูกกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งทำให้ลดการจ้างงานจำนวนมาก" เบธานี เพอร์กินส์ โฆษกแมนเพาเวอร์กล่าว
ก่อนหน้านี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์พบว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 9.4% ในปีนี้ และคาดว่าจะพุ่งขึ้นอีกไปจนถึงปีพ.ศ.2553 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวของสหรัฐ
ผลสำรวจของบลูมเบิร์กสวนทางกับที่ทำเนียบขาวคาดการณ์ไว้ว่าอัตราว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 7.9% ในปีนี้ ซึ่งหมายความว่ามาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.87 แสนล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา อาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้นได้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน