ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด แนะนำให้นักลงทุน "เทขาย" สกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์ และเข้าซื้อเงินรูปีอินเดีย หลังจากยอดส่งออกของสิงคโปร์ทรุดตัวลง ขณะที่อินเดียซึ่งมีประชากรมากเป็นอันดับสองของโลกได้ประโยชน์จากอัตราการอุปโภคบริโภคภายในประเทศที่ยังพุ่งสูงขึ้น
โธมัส ฮาร์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนด้านปริวรรตเงินตราของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด คาดว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย เนื่องจากภาคส่งออกของสิงคโปร์มีสัดส่วนเท่ากับ 191% ของตัวเลขจีดีพี เมื่อเทียบกับอินเดียที่มีความผันผวนน้อยกว่า เนื่องจากภาคส่งออกของอินเดียมีสัดส่วนเพียง 15% ของตัวเลขจีดีพี
ทั้งนี้ ฮาร์แนะนำให้นักลงทุนขายฟอร์ดเวิร์ดรูปสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์ประเภท 3 เดือน และเข้าซื้อฟอร์ดเวิร์ดสกุลเงินรูปี เพราะเชื่อว่าสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์จะร่วงลงแตะระดับ 31.60 รูปี ส่วน ณ เวลา 10.38 น.ตามเวลาสิงคโปร์ในวันนี้ สกุลเงินรูปีเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 33.4528 รูปี/ดอลลาร์สิงคโปร์
ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยธนาคารกลางสิงคโปร์บ่งชี้ว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจีดีพีของสิงคโปร์ในปีนี้จะหดตัว 4.9% แต่คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้น 3.3% ในปีหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์จะหดตัวเพียง 1% ในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงส่งผลให้ดีมานด์สินค้าส่งออกของสิงคโปร์หดตัวลงด้วย
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์จะชะลอตัวลงแทบจะทุกภาคส่วน โดยคาดว่าภาคการผลิตจะหดตัวลง 10.3% ในปีนี้ ภาคบริการด้านการเงินจะหดตัว 7.7% ภาคค้าส่งและค้าปลีกจะหดตัว 5.6% และคาดว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างซึ่งรัฐบาลเพิ่งใช้มาตรการช่วยเหลือวงเงิน 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมานั้น เป็นเพียงอุตสาหกรรมเดียวที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะฟื้นตัวในปีนี้ โดยคาดว่าจะขยายตัวราว 8.2%
"เราคาดว่าเศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวเพียง 5% ในปีนี้ เทียบกับปีที่แล้วที่ขยายตัว 6.3%" ฮาร์กล่าว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน