(เพิ่มเติม) ธปท.รับเล็งปรับลด GDP ปีนี้ ห่วงปัญหาศก.ยืดเยื้อกระทบขาดดุลบัญชีฯ-NPL

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 24, 2009 14:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)คาดว่า การปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ปี 52 ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ครั้งต่อไปน่าจะออกมาลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในระดับ 0-2% เนื่องจากเมื่อเทียบกับการประชุม กนง.ครั้งก่อน ภาวะเศรษฐกิจช่วงนี้มีข้อมูลหลายด้านที่แย่ลง โดยเฉพาะจีดีพีไตรมาส 4/51 ที่ขยายตัวติดลบ และสถานการณ์ล่าสุดในเดือน ม.ค.-ก.พ.52 ยังแสดงภาวะที่ไม่ดีขึ้น

"แบงก์ชาติจะพยายามดูข้อมูลเหล่านี้ ยอมรับว่าตัวเลขแสดงถึงการชะลอตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 4/51 การแก้ไขต้องทำต่อไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในหลาย ๆ เรื่อง คาดการณ์ว่าจีดีพีน่าจะต่ำกว่าเดิม และหลายสำนักมองในแง่ร้ายมากกว่าต้นปี"นายบัณฑิต กล่าวในการบรรยายหัวข้อ“มาตรการการเงินและสถาบันการเงินไทยในภาวะวิกฤตการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน"

รองผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า จีดีพีของไทยในปีนี้น่าจะขยายตัวติดลบตามภาวะเศรษฐกิจโลก เพราะปัญหาวิกฤติในระดับโลกค่อนข้างหนักและมีความรุนแรงจากที่เคยประสบมาในช่วง 70 ปี โดยเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกในช่วงปี 52-53 ส่วนจะฟื้นตัวได้เมื่อใดขึ้นกับความสามารถในการดูแลปัญหาและการประคับประคองและการปรับตัว

"ปัญหาครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก และมีความซับซ้อนของปัญหามาก และเป็นปัญหาจากภาคเศรษฐกิจจริงและสถาบันการเงิน"นายบัณฑิต กล่าว

นายบัณฑิต กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกที่ยืดเยื้อมา 18-19 เดือนแล้วกระทบต่อไทย เนื่องจากทำให้เงินลงทุนต่างประเทศไหลกลับ เงินบาทอ่อนค่า และกดดันราคาสินค้าส่งออกให้ลดลง และที่เห็นได้ชัดเจนคือดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งในปี 51 ลดไป 43% และปีนี้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันลดไปอีก 3%

อีกทั้งกระทบสภาพคล่องในประเทศทำให้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยากขึ้น และจากที่บริษัทเอกชนต้องหันมาระดมในประเทศมากขึ้น แต่สภาพคล่องในไทยไม่ถึงกับมีปัญหา เพราะภาคครัวเรือนยังมีสภาพคล่อง รวมทั้งมีการอัดฉีดผ่านธปท. และการใช้จ่ายของภาครัฐ โดยขณะนี้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก รวมตั๋วแลกเงินในเดือน ก.พ. อยู่ที่ 85.2%

นายบัณฑิต กล่าวว่า นโยบายของภาครัฐมุ่งมั่นจะช่วยเหลือในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในขณะนี้ แต่การใช้มาตรการต่าง ๆ ที่ผ่านมายังแค่ช่วยบรรเทาปัญหา ซึ่งในส่วนของ ธปท.ก็ได้ทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องปรับลดดอกเบี้ยตาม ก็จะส่งผลให้ภาคธุรกิจมีช่องทางมากขึ้น และสนับสนุนการใช้จ่ายภายในประเทศ

สำหรับกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ยังปรับลดดอกเบี้ยตามไม่มากนัก รองผู้ว่าการ ธปท.มองว่า ขึ้นกับการปรับตัวของแต่ละธนาคาร แต่ขณะนี้เห็นว่าดอกเบี้ยเงินฝากปรับลดลงมากเพียงพอกับภาวะเศรษฐกิจแล้ว การฝากเงินของเอกชนยังเป็นเสาหลักของสภาพคล่องในประเทศ ดังนั้น จากนี้ไปการปล่อยสินเชื่อขึ้นกับสภาพคล่องที่มี ดังนั้น เชื่อว่าจะทำให้เกิดการแข่งขันให้เกิดดอกเบี้ยเงินกู้ สเปรดดอกเบี้ยน่าจะลดลง ทำให้ธนาคารพาณิชย์สามารถลดดอกเบี้ยเงินกู้ได้บ้างในบางประเภท

นายบัณฑิต กล่าวอีกว่า หากเศรษฐกิจโลกยังยืดเยื้อก็จะกระทบกับระดับเงินทุนเคลื่อนบ้าย ซึ่งหากส่งออกแย่ลงด้วยก็อาจจะเห็นดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล จากขณะนี้ที่ยังเกินดุลอยู่ โดยอาจจะกระทบกับเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งต่อไปยังภาพเศรษฐกิจโดยรวมให้ชะลอตัวลง กระทบการใช้จ่าย ซึ่งมีผลต่อการชำระหนี้ภาคธุรกิจ เร่งการก่อตัวของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ในที่สุดกจะกระทบกับฐานะธนาคารพาณิชย์

หากเศรษฐกิจชะลอตัว ผลกระทบอันดับหนึ่งคือความสามารถของการทำกำไรของภาคธุรกิจก็จะลดลง และกระทบต่อการชำระหนี้ของภาคธุรกิจ ซึ่งจากการศึกษาของ ธปท.พบว่าหากเศรษฐกิจชะลอตัว NPL จะเร่งตัวขึ้น โดย 2 เดือนแรกของปีนี้ NPL เร่งตัวขึ้นสูงมาอยู่ที่ 5.9% ของสินเชื่อรวม จาก 5.6% ณ สิ้น ธ.ค.51 หรือคิดเป็นเม็ดเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท

ช่วงต่อไปคือการบริหารจัดการ NPL ซึ่งมองว่าธนาคารพาณิชย์อยู่ในวิสัยที่จัดการได้ และส่วนใหญ่ก็ปรับตัวด้วยการให้ความสำคัญกับการดูแลลูกหนี้ ลดเป้าการเติบโตสินเชื่อปีนี้ตามเศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อใหม่ และดูแลลูกค้าเก่า โดยมีการปรับลดวงเงินสินเชื่อ ตั้งสายงานปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยเฉพาะเข้ามาเสริม เพื่อช่วยเหลือและดูแลลุกหนี้ได้ดีขึ้น

ขณะที่ธปท.เองก็ช่วยธนาคารพาณิชย์ด้วยการให้นับ NPL เป็นรายบัญชี แทนที่จะนับทั้งบริษัท และให้ธนาคารพาณิชย์สามารถแก้ไขลูกหนี้ที่มีศักยภาพด้วยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตั้งแต่ยังไม่เกิดปัญหา NPL

"NPL จะเร่งตัวขึ้น 2 หลักหรือไม่ขึ้นกับสภาพเศรษฐกิจ หากสามารถประคับประคองเศรษฐกิจไม่ให้แย่ลง ก็น่าจะดูแล NPL ได้ ตอนนี้แบงก์ก็ดูแลให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มผลิตที่โยงกับการส่งออก และการบริการ เพื่อให้มีศักยภาพในการปรับตัวได้เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อ NPL ขณะที่พบว่า NPL สินเชื่อส่วนบุคคลก็เร่งตัวขึ้นเช่นกัน"นายบัณฑิต กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ