แมน กรุ๊ป กองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่สุดในโลกที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้น เปิดเผยว่า ทางกองทุนจะปลดพนักงานประมาณ 15% ตามแผนการปรับลดต้นทุน 60 ล้านดอลลาร์ หลังผลกำไรรายปีตกต่ำลงและมูลค่าสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการทรุดฮวบราว 30%
โดยมูลค่าสินทรัพย์ของแมน กรุ๊ปปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในรอบปีที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค. จากระดับ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า ส่วนผลกำไรก่อนหักภาษีจะอยู่ที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับ 2.1 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์จากโพลล์สำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่า มูลค่าสินทรัพย์จะอยู่ที่ประมาณ 4.86 หมื่นล้านดอลลาร์ และผลกำไรจะอยู่ที่ 1.14 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ แมน กรุ๊ปได้เปิดเผยในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาว่า อัตราการกู้ยืมและการลงทุนใน Man Global Strategies ที่จัดสรรเงินทุนให้กับผู้จัดการกองทุนเฮดฟันด์ประมาณ 80 รายนั้นปรับตัวลดลงจนส่งผลให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการสูญเงินไป 9.7 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับลดมูลค่าทางบัญชีเป็นศูนย์ในกองทุน 2 แห่งมูลค่า 360 ล้านดอลลาร์ที่นายเบอร์นาร์ด มาร์ดอฟฟ์ มีส่วนในการบริหารจัดการ
ปีเตอร์ คลาร์ก ซีอีโอของแมน กรุ๊ปยอมรับว่า "ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากมากสำหรับตลาดโลก และกองทุนเฮดจ์ฟันด์ก็ไม่มีเกราะป้องกันวิกฤตที่เกิดขึ้น ดังจะเห็นได้จากการลดขนาดกองทุน และการที่นักลงทุนหลายราย โดยเฉพาะพวกนักลงทุนสถาบันนั้นต่างวิ่งหาแหล่งลงทุนที่มีสภาพคล่องสูงโดยไม่คำนึงถึงผลการดำเนินงาน"
ทั้งนี้ นอกจากแผนการปรับลดพนักงานแล้ว แมน กรุ๊ปยังเปิดเผยถึงแผนการใช้กลยุทธ์จัดตั้งกลุ่มธุรกิจที่มุ่งเน้นบริหารจัดการการเปิดพอร์ตลงทุนเพื่อเพิ่มทางเลือกให้สามารถลงทุนกับผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ได้โดยตรง