ราคาบ้านในสหรัฐร่วงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนม.ค. และมีแนวโน้มว่าจะลดลงมากขึ้นอีก
ดัชนีราคาบ้านของ Standard & Poor`s/Case-Shiller เผยว่า ราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ของสหรัฐร่วงถึง 19% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าร่วงหนักสุดนับตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลเมื่อปี 2543 ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 10 เมืองใหญ่ร่วงลง 19.4% ซึ่งหนักสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
ราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ตามการสำรวจลดลงทั้งในรายเดือนและรายปี โดย 13 เมืองจากทั้งหมดมีราคาบ้านรายปีร่วงหนักเป็นประวัติการณ์ ส่วน 14 เมืองจากทั้งหมดมีราคาบ้านร่วงลงเกิน 10% แต่ยังมีบางเมืองอย่างดัลลัส เดนเวอร์ และคลีฟแลนด์ ที่ราคาบ้านลดลงเพียง 5%
เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดในช่วงซัมเมอร์ปี 2549 ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองร่วงลง 29% ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 10 เมืองทรุด 30%
"ข้อมูลดังกล่าวเป็นลบเกือบทั้งหมด" เดวิด บลิตเซอร์ ประธานคณะกรรมการจัดทำดัชนีของ S&P กล่าว "ดูเหมือนว่าทุกภาคส่วนในสหรัฐจะยังอยู่ในช่วงขาลง"อย่างไรก็ตาม เอียน เชปเพิร์ดสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก High Frequency Economics กล่าวว่า "เราหวังว่าต่อจากนี้ไปราคาบ้านจะไม่ลดลงฮวบฮาบมากนัก เนื่องจากยอดขายบ้านมือสองคงเริ่มทรงตัวหรืออาจดีดตัวขึ้น แต่จำนวนบ้านที่ถูกยึดยังคงเป็นปัญหาอยู่"
เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา สภาคองเกรสได้อนุมัติมาตรการลดภาษีมูลค่า 8,000 ดอลลาร์สำหรับผู้ซื้อบ้านครั้งแรก ในขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ประกาศใช้แผนป้องกันบ้านถูกยึดมูลค่า 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวจะได้ผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยมากแค่ไหน สำนักข่าวเอพีรายงาน