JCR ถอนการเฝ้าระวังระดับเครดิตเป็นลบออกจากเครดิตราสารหนี้ระยะยาวของไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 8, 2009 17:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า Japan Credit Rating Agency, Ltd. (JCR) การถอนการเฝ้าระวังระดับเครดิตที่เป็นลบ (Credit Monitor (Negative)) ของไทย ออกจากระดับเครดิตราสารหนี้ระยะยาว (Long-Term Senior Debts)

ทั้งนี้ JCR ยังคงยืนยันระดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Currency Long-Term Senior Debts) ที่ระดับ A- ระดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินบาท (Local Currency Long-Term Senior Debts) ที่ระดับ A+

JCR มีมุมมองว่า ความไม่สงบทางการเมืองและสังคมของไทย อันเนื่องจากการปิดล้อมโดยกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลและการเข้ายึดครองสนามบินนานาชาติ เมื่อ พ.ย.-ธ.ค. 51 ได้เริ่มผ่อนคลายลง นับตั้งแต่การจัดตั้งคณะรัฐบาลนำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยรัฐบาลสามารถจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ให้ความสำคัญกับประชาชนระดับรากหญ้าและผู้มีรายได้น้อย

ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น รัฐบาลได้จัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี หลังจากมีการเลื่อนกำหนดการที่คาดว่าจะจัดประชุมในเดือน ธ.ค. 51 อีกทั้งกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลยังคงชุมนุมกันภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย

นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปการเมืองซึ่งเป็นคณะกรรมการอิสระ เพื่อรับฟังความคิดเห็นและเสนอแนะการพัฒนาประชาธิปไตยและการเมืองการปกครอง ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนช่วยบรรเทาความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้

ด้านดุลการค้าการชำระเงินระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งและฐานะการคลังของรัฐบาลที่มีเสถียรภาพยังคงเป็นปัจจัยที่สนับสนุนระดับเครดิตของประเทศไทย แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มถดถอยลงและการถูกปิดล้อมชั่วคราวของสนามบินนานาชาติของประเทศ

อย่างไรก็ตาม JCR คาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในภาวะถดถอยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ปี 52 มีแนวโน้มติดลบ แต่ ไทยยังคงมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุล ส่วนด้านการคลังของประเทศ รัฐบาลมีการบริหารจัดการทางด้านการคลังอย่างมีวินัย ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะคงค้างต่อ GDP ณ สิ้นปี 2551 อยู่ที่ 38% ซึ่งเป็นระดับที่สามารถบริหารจัดการได้

ปัจจัยทางการเมืองและสังคมของไทยในปี 51 ยังไม่สามารถขจัดให้หมดสิ้นได้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลอาจสูญเสียการสนับสนุนจากประชาชนและอาจเผชิญกับความยุ่งเหยิงทางการเมืองและสังคมอีกครั้ง รวมทั้งความสามารถในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลอาจถูกบั่นทอนลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ทางด้านการถดถอยของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการว่างงาน ทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นประชาชนในชนบทมากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง อาจก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำได้

และท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เศรษฐกิจไทยอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวอีกระยะเพื่อให้ฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง ซึ่งอาจทำให้ไทย ไม่สามารถรักษากรอบความยั่งยืนทางการคลังในระยะยาวได้

JCR ยังเตือนไทยให้เฝ้าระวังในประเด็นต่างๆ คือ ความพยายามในการบริหารงานของรัฐบาลเพื่อให้เกิดความมีเสถียรภาพทางการเมืองและสังคม รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมาย ทิศทางนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการปฏิรูปทางการเมือง และ ผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่มีต่อเศรษฐกิจไทยและการดำเนินนโยบายของรัฐบาล



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ